บ้านของเจ้ามีหน้าต่างไหม?
ในที่-ที่ข้าอาศัยอยู่ มันมีนะ แต่เพราะว่ามันไม่ได้สวยงามเท่าไหร่จึงไม่ได้จดจำมันมากนักว่ามีตัวตนอยู่ รู้แค่ว่านั่นคือหน้าต่าง ส่วนแสงนั้นก็มาจากทางหน้าต่างแต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันมาก
จริงๆแล้วข้าชื่นชอบหน้าต่างนะ มีความฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านหลังเล็กๆที่สวยงามสำหรับข้า สร้างในแบบที่ข้ารัก-ตกแต่งในแบบที่ข้าชอบ และหน้าต่างทุกบานคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ชอบให้บ้านของข้ามืดหม่นหรืออับแสง ข้าชอบความสว่างในตอนกลางวันมันทำให้ข้ารู้สึกสดใส แต่ไม่ใช่ความร้อนที่สว่างจนทำให้ข้าป่วยนะ เจ้าต้องแยกแยะแสงเหล่านั้นให้ดีๆล่ะ
ข้าชื่นชอบหน้าต่างที่ถูกออกแบบและสร้างในยุคต่างๆมากมาย แต่ละยุคสมัยหน้าต่างและสิ่งก่อสร้างก็แตกต่างกันออกไป ข้าแค่ชื่นชอบที่จะศึกษาแต่ไม่อาจได้สร้างหรือทำมันขึ้นมาเอง ได้แค่ดูข้าก็สามารถฝันได้อย่างมีความสุขแล้ว ข้าไม่ได้ทะเยอทะยานเพราะความเหนื่อยจากการหวังให้ได้มาจะทำให้ข้านั้นเจ็บป่วย หน้าต่างในที่-ที่ข้าพักอาศัยนั้นไม่ได้สวยงาม ข้าจะยุ่งเกี่ยวกับมันแค่ตอนทำความสะอาดยามที่ฝุ่นผงมาเกาะจนความใสของกระจกพับที่ติดกับหน้าต่างต้องหมองลง และเพราะข้านั้นไม่อาจอยู่ร่วมกับฝุ่นผงหรือพวกกลิ่นควันต่างๆได้ จึงต้องคอยทำความสะอาดและกำจัดมันออกไปอยู่เสมอแต่ก็ไม่บ่อยมากเพราะบางครั้งข้าก็ขี้เกียจอันเป็นผลมาจากความเหนื่อยล้าที่จิตใจส่งผลให้ร่างกายไม่ต้องการทำสิ่งใดหรือแตะต้องอะไรอื่นๆ แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วข้าก็ไม่อาจปล่อยปะละเลยได้ จะด้วยว่านิสัยพื้นฐานที่ต้องมีความสะอาดอยู่รอบตัว จะด้วยว่าการเติบโตทำให้เปลี่ยนแปลงหรืออาจเพราะ ข้านั้นเป็นลูกของแม่ ผู้ที่รักความสะอาดเยี่ยงชีวิต ข้าจึงทำในสิ่งที่ต้องทำอยู่ดี...
วันหนึ่ง -ช่วงเวลาก่อนที่ ช่วงเวลาตอนเย็นจะมาถึง ก่อนจะเป็นตอนค่ำ.
ข้านั่งเขียนบทความเกี่ยวกับ
today quotes -i am บทที่ 9 กำลังคิดและพิจารณา กำลังไตร่ตรองและแยกแยะคำพูด กำลังนึกถึงผู้คนและสิ่งของ นึกถึงอากาศและบรรยากาศ นึกเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบว่าจะเขียนมันต่อให้จบอย่างไรดี บทความนี้จะมีไม่มากนักและน้อยลงหน่อยทั้งเนื้อหาตัวอักษรและรูปภาพที่ใช้จะมีเพียงรูปเดียวเท่านั้น เนื่องจากข้ากำลังพักฟื้นสมองและจิตใจจึงไม่อาจใช้งานในส่วนที่ต้องคิดมากนัก ตอนที่ข้านึกถึงบรรยากาศข้าคิดเกี่ยวกับสายฝน ที่มันตกพรำๆไม่มากไม่น้อยในทุกๆวัน อากาศจึงเหมาะสำหรับคนที่แพ้ความร้อนอย่างข้า ข้าคิดว่าตนกำลังกังวลหากสายฝนและความเย็นชื้นมาลาจากไปกระทันหัน ตอนนั้นที่ข้าหันไปมองทางหน้าต่าง จะได้มองเห็นท้องฟ้าเพื่อพิจารณาสีของมันว่าเป็นอย่างไร สีที่อึมครึมนั้นมันให้ความหวังกับข้า แต่บางอย่างสะดุดตาข้ามากกว่าสีของท้องฟ้าคือ ความหม่นหมองของมุ้งลวดและความใสของกระจกที่ติดกับหน้าต่างนั้นมันไม่สวยงาม ความหม่นหมองและไม่สวยงามนั้นทำให้ข้ามองเห็นภายนอกได้ไม่ชัดเจน รวมถึงกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่อาศัยและมีชีวิตอยู่ติดกับระเบียงของข้า กิ่งของมันไม่ใหญ่มากแต่ยาวพาดระเบียงของข้า ข้าไม่ได้ตัดกิ่งของมันหรอกเพราะชอบมองดูใบเล็กๆของมันเต้นระบำพลิ้วไหวได้ไม่หยุดหย่อนในทุกๆเวลา สวยงามอ่อนช้อย มันเป็นเรื่องเล็กๆที่ข้าใส่ใจและชื่นชอบ จุดเล็กๆที่ข้ายังคงเก็บไว้ ข้าเพียงแค่ดึงก้านของกิ่งมันออกในส่วนที่ลุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของข้าเท่านั้น ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วสินะ ข้าคิด.. ได้เวลาทำความสะอาดมันแล้ว เพราะไม่นานข้าอาจมีความยุ่งยากจากความสกปรกที่เกิดจากฝุ่นผงเหล่านั้น
ข้าจึงทำความสะอาดมัน
ปกปิดจมูกด้วยหน้ากากอนามัยกรองอากาศขนาดหนาและใหญ่ และอื่นๆที่ข้าสวมใส่ราวกับว่าข้าจะไม่ได้ทำเพียงแค่ เช็ดถูหน้าต่าง... ตรงหน้าต่างมีโต๊ะสีน้ำตาลเข้ม บนโต๊ะมีสิ่งของเล็กน้อยวางอยู่ จำพวกขวดน้ำ แก้วน้ำ และเปลือกมะนาวที่ข้านำมาผ่าครึ่งและบีบเอาน้ำของมันสำหรับดื่มตอนตื่นนอน เปลือกของมันยังคงอยู่ ข้ายังไม่ได้ทิ้ง จะทิ้งตอนไหนมันก็เรื่องของข้า ซึ่งข้ามักจะเก็บทิ้งและทำความสะอาดโต๊ะทุกๆเย็นแหละไม่ต้องห่วงหรอกนะ แต่ก่อนหน้านั้นเมื่อประมาณปีกว่าๆ จะมีหลายอย่างพวกผลไม้และอาหาร อาจมีขนมบ้างในบางวันวางอยู่บนโต๊ะ แต่นั่นมันก็ตอนที่แม่ของข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้แม่จากไปแล้วอะไรหลายๆอย่างจึงเปลี่ยนแปลงและข้าเองก็เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงมันในบางจุด ข้าเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีเพียงเล็กน้อยจากบนโต๊ะไปไว้จุดอื่นชั่วคราวเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
และเมื่อมันสะอาดดีแล้ว ทั้งด้านในและนอก
ข้ายืนมองดูอยู่เงียบๆภายในห้องและออกมายืนดูภายนอกอีกครั้งตรงระเบียงเพื่อตรวจสอบอย่างเงียบๆ ทุกอย่างดูเรียบร้อยดีแล้ว ข้าจึงทำความสะอาดสิ่งของต่างๆและเตรียมขนย้ายสิ่งของกลับมาวางบนโต๊ะ ตอนนั้นเองที่ข้ามองดูโต๊ะสีน้ำตาลเข้ม มันยังคงใหม่เอี่ยมและสียังคงสด มันสูงแต่ไม่สูงติดขอบหน้าต่าง ห่างกันเพียง.. เมื่อนิ้วชี้และนิ้วโป้งมือข้า อ้ากว้างห่างออกจากกันเกือบพอดี ข้ามองดูมันและคิดอะไรบางอย่างออก ข้าถอยออกจากหน้าต่างและเดินไปหยิบกล้อง ขาตั้งกล้อง ข้าจัดการกล้องและขาตั้งกล้องอยู่สักพักเพราะว่าขาตั้งกล้องนี้ไม่ได้มีไว้ให้กล้องของข้าตัวนี้มาใช้งานร่วมด้วย แต่ข้าก็จัดการได้เองในที่สุด จากนั้นข้าหวีผมของตนและกดตั้งเวลากล้องก่อนจะรีบวิ่งไปที่โต๊ะเพื่อขึ้นไปอยู่บนนั้นและทำท่าทางต่างๆให้ทันเวลา ตอนนั้นข้าคิดว่าตนผิดที่ไม่ได้ซ้อมขึ้นโต๊ะก่อน มันดูไม่สูงแต่ก็ขึ้นลำบาก แต่ก็เพราะว่าข้าเป็นตัวข้าเองจึงไม่อยากหาข้ออ้าง แค่อยากทำก็ทำซะเถอะนะ
ผ่านไปสิบกว่าครั้งของการเขย่งตัวขึ้นโต๊ะ และลงมาจากโต๊ะเพื่อวิ่งไปเช็คดูรูปที่ถ่าย มันไม่ใช่รูปที่สวยงามหรือมองดูแล้วชื่นชม เพราะว่ากล้องตัวนี้เป็นเพียงกล้องที่ไม่ได้มีอยู่เพื่อถ่ายภาพสวยงาม และข้าเองก็เพียงแค่ต้องการมีรูปคู่กับหน้าต่างบานนี้เท่านั้น
ความเหงาที่เกิดจากรูปที่ถ่าย
ข้ามองดูและคิดว่ามันดูเหงา และอาจเพราะว่าข้ามีความเหงาอาศัยอยู่ด้วยจริงๆ เป็นความเหงาของธรรมชาติที่ผู้คนเช่นข้านั้นมี. ทำไมข้าถึงถ่ายรูปคู่กับหน้าต่างทั้งที่บอกว่าไม่ค่อยสนใจมันมากเพราะว่ามันไม่สวยงาม.. ก็เพราะว่าข้า ข้าคิด.. คิดว่าบางทีมันอาจน้อยใจ น้อยใจที่ไม่มีใครสนใจมัน มันอาจคิดว่า ตัวมันเองคงต้องดูแย่ลงและสกปรกมอมแมมก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะมีคนมาเหลียวแลและดูแลมัน เหมือนที่ข้าทำกับมันในวันนี้ และเพราะข้าคิดได้ยามที่ทำความสะอาดมันในวันนี้ คิดได้ว่ามันคือหน้าต่างบานเดียวที่ข้ามี มันคือสิ่งที่มอบความสว่างให้ข้ายามที่กลางวันอาศัยอยู่ก่อนที่กลางคืนจะเข้ามาแทนที่ มันคือที่-ที่ให้อากาศเข้ามาและออกไป และข้าจำเป็นต้องหายใจอยู่ในที่-ที่อากาศนั้นถ่ายเทได้ดี แม้ที่นี่จะไม่ได้ดีมากแต่ก็อยู่ได้ และแม้อาจมีประตูที่อยู่ติดกันช่วยในเรื่องนี้ได้ดีกว่า แต่บางครั้งประตูก็ต้องถูกปิดเพื่อบางอย่าง เช่นยามที่ข้าต้องเข้านอน หรืออื่นๆ ดังนั้นหน้าต่างนี้เป็นที่เดียวที่จะยังคงเปิดตลอดเวลา และตลอดเวลาที่มันเปิดอยู่ข้ายังคงมองออกไปและเห็นกิ่งไม้สีเขียวอ่อน-แก่-เข้ม เห็นท้องฟ้าและตึกที่อยู่อาศัยไกลๆ ยามกลางคืนข้าจะมองเห็นดวงจันทร์ที่โคจรมาตรงหน้าต่างอยู่เสมอแม้จะไม่ทุกคืน หน้าต่างนี้มันไม่จำเป็นต้องปิดเพราะว่ามีมุ้งลวดหรือจะเรียกอะไรก็ตามติดกั้นเอาไว้ บานพับเป็นกระจกไม่ใช่ตัวเนื้อไม้แบบหน้าต่างทั่วไป แม้ในวันที่ฝนตกหนักแค่ไหนก็ไม่อาจสาดใส่หน้าต่างนี้ ไม่อาจมาถึงหน้าต่างนี้ได้ แม้มันจะขี้เหร่แต่ก็มีบุญคุณต่อข้า ข้ามักจะสำนึกอะไรๆได้เสมอเมื่อเวลาผ่านไป บางอย่างก็สายเกินไป บางอย่างก็ยังไม่สายเสียทีเดียว
สำหรับหน้าต่างบานนี้ข้าคิดว่ายังไม่สายนักหรอกนะ เพราะว่าข้าตัดสินใจเป็นเพื่อนที่ดีกับมันและตั้งชื่อให้มัน ข้าเคยกล่าวในบทความของข้าแล้วว่าตัวข้านั้นชอบที่จะตั้งชื่อให้สิ่งของต่างๆ แต่ก็จำไม่ได้ว่าบทความไหนอีกแหละนะ. ดังนั้นพวกเจ้าเองก็อย่าลืมหยุดและคิด.. เมื่อนิ่งได้สักพัก ก็จงเหลียวมองรอบตัวเพื่อดู ดูว่ามีอะไรรอให้เจ้าใส่ใจและดูแลอยู่หรือเปล่า ดูว่ามีอะไรที่สมควรต้องขอบคุณบ้างหรือไม่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เล็กมากๆจนทำแล้วมันอาจเป็นเรื่องเล็กๆจนไม่น่าสนใจ แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องเล็กๆเหล่านี้สามารถเยียวยาและรักษาและช่วยสอนให้ผู้คน-มนุษย์ได้เรียนรู้ ว่าสิ่งที่เล็กสิ่งที่น้อยล้วนแล้วแต่มีความหมาย ความหมายเหล่านั้นคืออะไรบ้างก็แล้วแต่สิ่งเหล่านั้นที่เจ้าได้เห็นและพึ่งได้ลองใส่ใจ และมัน-ช่วย ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม อย่าลืมขอบคุณมัน เหมือนที่ข้ามักจะขอบคุณรองเท้าเป็นประจำ เพราว่าอะไรพวกเจ้าก็คงจะเข้าใจแล้วหากได้อ่านมาถึงตอนนี้ และแน่นอนว่ามันก็มีชื่อเหมือนกัน ส่วนหน้าต่างของข้านั้น มันชื่อว่า
หน้าต่างของข้ามีชื่อว่า เบรทซีล์
ผู้มอบแสงและอากาศ ผู้ที่ไม่เคยสนิทกันในตอนนั้นและได้ทำความเข้าใจกันในวันนี้
ขอบคุณ ข้าจะเรียกชื่อของเจ้าบ่อยๆและไม่ปล่อยให้เจ้าต้องมอมแมมอีกต่อไป
ด้วยรัก
SaLinsiree
..........................................................................................................................
...........
©salinsiree
...
If you have any questions, or would like to talk, contact me!
salinsiree.witchy@yahoo.com