(เรื่องสั้น) RUN run RUN run... stop




ข้าไม่ชอบคำถาม -เพราะข้ากังวลที่จะตอบ -กลัวผลที่จะได้
 จึงหนี...
หนีไปเรื่อย เรื่อย... 
ข้าจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งที่ข้าหนี...
แต่
ข้าจำวันที่ข้า หยุดหนี ได้

ข้าค้นเจอสมุดปกแข็งสีน้ำเงิน-ดำ
ทันทีที่ข้าได้สัมผัสมัน ข้ารู้สึกได้ถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่เคยผ่านเข้ามา แม้ไม่ชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ถึงมัน ข้าปัดฝุ่นที่ปกสมุดพลางกลั้นหายใจ เพราะข้าแพ้ฝุ่นอย่างรุนแรงหากใครยังไม่รู้ ข้าค่อยๆนั่งลงกับพื้นและเปิดสมุดเล่มนั้น-พลางจ้องไปที่ตัวอักษรในหน้าแรก -ลายมือข้าชัดๆ ชัดเจนมากทีเดียว
 เมื่อหลายปีก่อน 
ข้าไม่ขอระบุเวลาและวันที่ 
รวมถึงเนื้อหา
.
ช่วงเวลานั้นข้าไม่สบายค่อนข้างมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ ข้าจึงต้องอาศัยอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กๆ โดยไม่ได้ออกไปไหนเลยเป็นเวลานานมาก ข้าใช้เวลาไปกับการนอนพักและรักษา เขียนบันทึกและอื่นๆ ข้าเฝ้ารอที่จะมีเพื่อน หากแต่ว่าไม่เคยมีเลย 
ในสมุดบันทึกเล่มนี้ ข้าเขียนมันเองด้วยดินสอไม้ธรรมดา ข้าเขียนเวลาและวันที่-ชัดเจนทุกช่วงเวลาของเนื้อหาในบันทึก ในหนี่งวันข้าจะเขียนบันทึกประมาณห้าถึงหกครั้ง ทำให้ข้าจดจำบางเรื่องในช่วงเวลานั้นได้ เนื้อหาเรื่องราวในช่วงเวลานั้นมีแต่ความเศร้าและเหงา แต่บางเรื่องที่ข้าอ่าน-ข้าก็ยังจำไม่ได้หรือนึกไม่ออกเลยก็มี...
..
 - เป็นเวลานานมาก ที่ข้าใช้เวลาอ่านสมุดบันทึกเล่มเก่านี้ ข้าอ่านทุกตัวอักษรโดยไม่มองข้ามแม้แต่รอยลบที่ชัดเจนในบางคำ ข้าลองใจตนเองและทดสอบตนเองว่า เมื่อข้าได้อ่านเรื่องราวเก่าๆของตนเหมือนพาใจย้อนหลังกลับไปในอดีต ไปเดินเล่น วิ่งวนในเรื่องราวเก่าๆ ซ้ำๆไปมา ข้าจะเป็นอย่างไร จะทนได้หรือไม่ จะมีน้ำตาหรือเปล่า จะรู้สึกเช่นไร ข้าอยากรู้ในเรื่องนี้ของตนเอง
 - ข้าปิดสมุดบันทึกและวางมันลงตรงหน้า ข้าหันไปมองนาฬิกาโทรมๆบนผนัง -ใช้เวลานานเหมือนกันนะ ข้าคิด แต่ตอนนี้ข้ามีอย่างอื่นให้คิดและพิจารณา ข้าถอนหายใจพลางลุกขึ้นเพื่อเดินไปเปิดหน้าต่าง ลมเย็นๆพัดเข้ามาปะทะใบหน้าอย่างแผ่วเบาแต่หนักหน่วง ขณะเดียวกันก็พัดพาเรื่องหนักๆออกไปจากหัวข้าด้วย -ข้าหลับตาลงและยืนนิ่ง ข้ายืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาเท่าไหร่ก็ไม่อาจแน่ใจ ความเย็นของสายลมที่ยังคงพัดเข้ามาไม่หยุดทำให้ข้ายังมีสติ... ข้ายกมือขวา-มาวางทาบลงบนอกซ้ายของตนอย่างแผ่วเบา แล้วลืมตา-

ข้าหลับตา -และลืมตา
 ข้ายังมีชีวิต
ข้ายังไม่ตาย แต่ข้าเกิดใหม่
ข้าไม่ได้รู้สึกแย่ ข้ายังไม่มีน้ำตา เรื่องราวเก่าๆนั้น ทำอะไรข้าไม่ได้
อาจใจหายและหวั่นไหวบ้าง แต่ข้ายังอยู่ ตอนนี้ อยู่กับปัจจุบัน 
บางเรื่องอาจต้องระวัง แม้ไม่หายขาดแต่ข้าจะเดินผ่านไปให้ได้
เหมือนตอนนี้ที่ข้าผ่านมันมาแล้ว ในบางเรื่อง
เมื่อทรงเมตตาให้ข้าได้เกิดใหม่เพื่อเริ่มใหม่ ข้าก็ต้องทำให้คุ้มค่า
กับที่ ทรงเมตตา
-เย็นวันนั้น 
ข้ากำลังรื้อของ-เพื่อควานหาสมุดสักเล่ม จะเก่าก็ได้ใหม่ก็ดี เล่มเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ข้าก็ยังหาไม่เจอสักเล่ม จนกระทั่งหิว ข้าก็กิน-รับประทานและดื่ม พออิ่มข้าก็หาต่อ จนกระทั่งข้าได้เจอกับลังกระดาษที่แสนจะเก่า-สีน้ำตาลอ่อนๆ มีรอยด่างดำเป็นจุดๆบ่งบอกถึงความชื้นที่มันเคยผ่านมา ข้าค่อยๆเปิดงัดแงะและจัดการควานหาสมุดสักเล่มภายในลัง แม้ยังไม่ได้สมุดแต่ข้าก็ได้หนังสือเก่าๆที่ข้าเคยชอบอ่านหลายเล่มในลังนี้ ซึ่งก็นับว่าดี ชั้นวางหนังสือของข้าจะได้มีหนังสือเพิ่มมากขึ้น และในที่สุดข้างล่างของลังกระดาษข้าก็เจอสมุดที่ยังไม่ได้ใช้งานหลายเล่ม วางซ้อนๆทับกันไปมาทั้งปกอ่อนและแข็ง ข้าค่อยๆเอาออกมาวางนอกลังเพื่อเลือกดูเล่มที่ชอบและใช่  จนได้หนึ่งเล่มในที่สุด สมุดปกแข็งขนาดกลางไม่มีลวดลายอะไร มีแค่สี... เท่านั้น ภายในยังคงใหม่แต่มีกลิ่นอับชื้น กระดาษแต่ละแผ่นยังคงมีลายเส้นที่ชัดเจน ข้าชอบมันนะ
-ก่อนเข้านอน
ข้าเปิดสมุดเล่มใหม่ จรดนิ้วมือสัมผัสแผ่นกระดาษและลูบลงมาสุดปลาย กับหยิบดินสอคู่ใจ -ที่ใช้บ่อยๆนั่นแหละ- ข้านั่งคิดว่าหน้าแรกนี้ ควรจะเขียนอะไรสักหน่อยที่เกี่ยวกับตัวข้าดีไหม... เพื่อบอกว่าสมุดเล่มนี้มีเจ้าของซึ่งก็คือข้าเอง แต่คิดไปคิดมาข้าก็แค่เขียน "สมุดบันทึกของข้า" แค่นั้น... เมื่อพลิกกระดาษในหน้าถัดไป ข้าก็ทำได้แค่จ้องมองมันสักพักแล้วก็นั่งถอนหายใจ... จนท้ายสุดข้าก็จรดปลายดินสอลงบนกระดาษแล้วเริ่มเขียนเวลาและวันที่ จากนั้นบรรทัดต่อมา ข้าก็เขียนว่า
...
ในที่สุดของความเจ็บปวด ข้าได้ค้นพบ ว่ามนุษย์ล้วนสร้างสรรค์และทำลายตนเอง-ผู้อื่นได้พร้อมๆกัน ข้ามีความเจ็บปวดเป็นบาดแผล แต่เวลาก็รักษาข้าได้เหมือนกัน แค่ข้าเปิดใจให้กับเวลา อย่าต่อต้านมัน แล้ววันใดวันหนึ่งมันจะเจือจาง แม้ไม่หายขาดแต่ก็พอเดินต่อไหว เมื่อก่อนข้านิทราหนีความเจ็บปวด หนีทุกเรื่องราวที่เข้ามา วิ่งหนีอย่างไร้จุดหมาย ข้าวิ่ง วิ่ง วิ่งหนีสุดชีวิต หวาดกลัวผู้คน และกลัวคำถามมากมายที่ข้ากังวลในคำตอบ ข้าจึงเลือกที่จะหลับเพราะจะไม่มีใครมากวนใจข้า แต่วันนี้ที่ข้าตื่นลืมตาอีกครั้ง เพราะว่าข้าดีขึ้นจากเวลาที่ผ่านมา ข้าจำเรื่องราวเก่าๆไม่ค่อยได้และจำตนเองตอนนี้ไม่ค่อยได้เช่นกัน เหมือนข้าเกิดใหม่และไม่แน่นอนเรื่องข้อมูล ตอนนี้แม้ผลข้างเคียงจากบาดแผลเก่าจะมีมาก ก็ต้องยอมรับความจริงและดูแลผลที่ได้รับนั้นต่อไป ข้าไม่ได้เก่งในเวลานี้หรอก แต่ข้าอยากจะเขียนเพื่อแก้ไข ให้ชีวิตข้ามีสมุดบันทึกเล่มใหม่ ซึ่งในนั้นมีหน้ากระดาษที่เขียนไว้ด้วยความเข้มแข็ง  มีแต่เนื้อหาของชีวิตใหม่ เริ่มต้นใหม่ มันอาจไม่สวยหรูและปัญหามากมายอาจก่อตัวขึ้นอีก ข้าอาจเจ็บปวดที่ข้าแตกต่างอีกครั้ง แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าครั้งหนึ่งข้าเคยเลือกที่จะลุกขึ้นอีกครั้งแม้ไม่แข็งแรง แต่ขาทั้งสองของข้าก็เลือกที่จะเดินต่อไป และในตอนนี้ของปัจจุบัน ข้าก็ยังหายใจอยู่... : สวัสดี -สมุดบันทึกเล่มใหม่ของข้า
.ราตรีสวัสดิ์.
....

_______________________________________________________________________________
©salinsiree
...
If you have any questions, or would like to talk, contact me!
salinsiree.witchy@yahoo.com

BOOKS : FARMER BOY & Charlotte's Web

ข้าชอบอ่านหนังสือนะ
บ้านของข้า -ที่ที่ข้าอาศัยอยู่- มีหนังสือเยอะแยะมากมายหลากหลายประเภททั้งเก่าและใหม่ ข้าชื่นชอบหนังสือประเภทดาร์กหรือแฟนตาซี บางทีอาจจะสองอย่างรวมกัน เป็นนวนิยายที่มีเนื้อหาน่าจับต้อง น่าหลงไหลหรือทำให้ข้าอยากทำความรู้จัก -พูดว่า สวัสดี กับใครสักคนในเรื่องนั้นๆที่อ่าน ไม่ก็หนังสือประเภทสืบสวนสอบสวนเนื้อหาหนักๆบ้าง เบาๆบ้าง แต่ก็เข้มข้นน่าดู มันคงสนุกไม่น้อยถ้าต้องคิดตามและสืบสวนตามตัวละครในหน้าหนังสือที่อ่าน ได้ความรู้กับปมปริศนาเมื่อแก้ไขมันได้ แต่บางครั้งข้าก็อ่านตามใจตนเอง คือรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ใช่แน่ ข้าก็เลือกที่จะอ่านทันที แต่ช่วงนี้มีหนังสือสองเรื่อง-สองเล่มที่ข้าประทับใจและชื่นชอบ !เป็นพิเศษ! 

วรรณกรรมเยาวชน-คลาสสิค
เรื่องแรก -FARMER BOY 
Laura Ingalls Wilder : เขียน / ชลลดา ไพบูลย์สิน : แปล
ข้าชอบหนังสือเล่มนี้
เสน่ห์อันหาตัวเปรียบยากของนิยายเยาวชนชุดนี้ คือประสบการณ์ที่ถ่ายทอดลงอย่างแม่นยำ ได้กลิ่นอายของความจริงทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และสังคมประจำวันของอเมริกา ในยุคนั้น นับเป็นประสบการณ์หายากที่จะพบ

© Copy Right by SE-EDUCATION Public Company Limited.

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.se-ed.com/product/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1-4-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2.aspx?no=9789749804292
เสน่ห์อันหาตัวเปรียบยาก ของนิยายเยาวชนชุดนี้ คือประสบการณ์ที่ถ่ายทอดลงอย่างแม่นยำ ได้กลิ่นอายของความจริงทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และสังคมประจำวันของอเมริกา ในยุคนั้น นับเป็นประสบการณ์หายากที่จะพบ

© Copy Right by SE-EDUCATION Public Company Limited.

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.se-ed.com/product/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1-4-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2.aspx?no=9789749804292
เสน่ห์อันหาตัวเปรียบยาก ของนิยายเยาวชนชุดนี้ คือประสบการณ์ที่ถ่ายทอดลงอย่างแม่นยำ ได้กลิ่นอายของความจริงทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และสังคมประจำวันของอเมริกา ในยุคนั้น นับเป็นประสบการณ์หายากที่จะพบ

© Copy Right by SE-EDUCATION Public Company Limited.

อ่าน เพิ่มเติมได้ที่: https://www.se-ed.com/product/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1-4-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2.aspx?no=978974980429เหมือน จะเหนื่อยแต่สนุกตลอดเวลา นั่นเพราะเขารักที่จะทำและทำในสิ่งที่รัก เรียนรู้ตลอดเวลาที่เติบโตในฟาร์ม เขาอยู่กับธรรมชาติเป็นเกษตรตัวน้อย
ข้าชอบเรื่องนี้ 
เพราะมันคือความฝันของข้า 
ที่ปราถนาอยากใช้ชีวิตในฟาร์มของตนเอง อยู่กับครอบครัว 
อยู่ในชนบท ไม่วุ่นวาย อยู่กับดินกินกับธรรมชาติ ที่มี
ทำงานขับเคลื่อนไปกับผืนป่าและธรรมชาติ
ปกติข้าไม่ได้อ่านหนังสือประเภทนี้เท่าไหร่ (แทบไม่ได้จับต้องเลยก็ว่าได้) แต่ข้าตกหลุมรักหนังสือเรื่อง FARMER BOY หนังสือเล่มที่ 3 ของหนังสือชุดบ้านเล็ก (Little House series) ซึ่งมีทั้งหมด 12 เล่ม และยังเป็นหนึ่งในร้อยวรรณกรรมเยาวชนที่ดีที่สุด ในเนื้อเรื่องของเล่มที่ 3 นี้เกี่ยวกับเด็กชาย อัลแมนโซ เจมส์ ไวล์เดอร์ ที่เติบโตและใช้ชีวิตประจำวันในฟาร์มขนาดใหญ่ในมลรัฐนิวยอร์ก หนังสือชุดนี้บอกเล่าเหตุการณ์ สังคม และชีวิตของผู้คนในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ข้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของอเมริกาในยุคนั้นไปด้วย ผ่านผู้เขียน (Laura Ingalls Wilder) ซึ่งใช้เนื้อหาในชีวิตจริงของตนมาบอกเล่าเป็นเรื่องราว -อัลแมลโซ ไวล์เดอร์ เขาทำงานและใช้ชีวิตประจำวันในฟาร์มตั้งแต่เช้าจรดเวลาอาหารค่ำ เหมือนจะเหนื่อยแต่สนุกตลอดเวลา นั่นเพราะเขาทำงานที่ตนรัก และรักที่จะทำมัน เขาชื่นชอบม้าและหวังว่าสักวันเขาจะมีลูกม้าเป็นของตนเองและฝึกมัน ข้าประทับใจเนื้อหาในเรื่องนี้ -สวยงาม มีกลิ่นอายของความเป็นจริงและชีวิตที่จับต้องได้ ข้าหลงรักอาหารทุกมื้อที่อัลแมนโซกิน-รับประทานและดื่ม ทุกอย่างดูน่าชวนหิวอย่างยิ่ง ข้าชอบช่วงเวลาพ่อลูกที่ได้อยู่ด้วยกัน ทำสิ่งต่างๆมากมาย และคำสอนของพ่ออัลแมนโซก็สอนข้าได้เช่นกัน

.
 (note: these are all words from FARMER BOY)
(เนื้อหา-อักษรทั้งหมดจากหนังสือ เกษตรกร ตัวน้อย)

หลังอาหารค่ำ อัลแมนโซเอารองเท้าหนังกวางนุ่มๆของเขามาทำความสะอาด ทุกคืนเขาจะนั่งลงข้างๆเตาไฟในครัวและขัดถูด้วยไขมันสัตว์

ทุกคนนั่งลงอย่างอุ่นสบายข้างๆเตาผิงอันใหญ่ติดผนังห้องอาหาร ด้านหลังเตาผิงนั้นทะลุไปยังห้องรับแขกที่ซึ่งไม่มีใครอยู่นอกจากตอนที่มีแขกมาเยือน มันเป็นเตาผิงอย่างดี

ช่างหอมอะไรเช่นนั้น! แม่กำลังทอดแพนเค้กและมีจานเปลสีน้ำเงินใบใหญ่วางไว้หน้าเตาผิงเพื่อให้มันอุ่นตลอดเวลา ในนั้นเต็มไปด้วยเค้กลูกพลัมกับไส้กรอกราดซอดเกรวี่

"เอาล่ะ พ่อจะปล่อยให้ลูกหาทางทำให้ได้เอง" แล้วพ่อก็เดินเข้าไปในโรงนา แล้วอัลแมนโซก็รู้ว่าเขาโตพอที่จะทำเรื่องสำคัญๆได้ด้วยตนเองทั้งหมด
เขายืนจมอยู่ในพื้นหิมะและมองเจ้าลูกวัวที่จ้องมองเขาตาใส เขาไม่รู้ว่าจะสอนพวกมันรู้ได้ว่า ''เอ้า ตรงไป!'' แปลว่าอะไร ไม่มีทางจะบอกให้พวกมันรู้ได้ แต่เขาต้องหาทางบอกให้ได้

ในวันอาทิตย์ คนทั่วไปจะสวมเสื้อผ้าทอมือ และรอยัลกับอัลแมนโซก็สวมเสื้อผ้าขนแกะที่ทอมือด้วยเช่นกัน แต่สำหรับพ่อแม่และเด็กผู้หญิงแล้ว พวกเขาจะแต่งตัวงดงามมากด้วยเสื้อผ้าที่แม่ตัดเย็บเองจากผ้าที่ซื้อจากร้านค้าที่ทอด้วยเครื่องจักร

บนผืนดินจะมองไม่เห็นเมล็ดข้าวที่หว่านเพราะมันเล็กมากและเราก็จะไม่มีทางรู้ได้ว่าคนที่หว่านนั้นเชี่ยวชาญขนาดไหนจนกว่าจะได้เห็นต้นข้าวที่เติบโตขึ้นมา

ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หนาวจัด อากาศเย็นเยียบตอนเช้าตรู่ แม้แสงแดดตอนเที่ยงก็ยังเย็นอยู่ ต้นไม้ค่อยๆสลัดใบทิ้งร่วงลงดิน พืชตระกูลถั่วทั้งหลาย แครอทและข้าวโพดต่างยืนต้นรอคอยความอบอุ่นและหยุดการเติบโต
 เขาทำงานวันแล้ววันเล่าจนปลูกฟักทองเสร็จ จากนั้นเขาก็ขอเป็นคนพรวนดินเพื่อปลูกแครอท เขาถอนวัชพืชออกหมดตลอดแถวยาว รวมทั้งถอนยอดเล็กๆเป็นฝอยของต้นแครอทออกเสียบ้าง และทิ้งไว้ให้แต่ละต้นห่างกันสองนิ้ว

แม่วัวให้น้ำนมมากจนต้องกวนน้ำนมทำเนยกันสัปดาห์ละสองครั้ง แม่และลูกสาวกวนกันมาจนเหนื่อยล้าแล้ว และในวันที่ฝนตกก็ถึงตาของอัลแมนโซ

อัลแมนโซชอบเวลาแห่งการเกี่ยวหญ้าเลี้ยงสัตว์ เขายุ่งตลอดเวลาจากเช้าตรู่จรดค่ำ ทำอะไรหลายอย่างไม่ซ้ำกันเหมือนกำลังเล่นมากกว่าทำงาน แถมตอนเช้ากับตอนบ่ายก็ยังได้ดื่มเอ้กน็อค

ข้าวโอ๊ตสุกแล้ว รวงข้าวสีเหลืองทั้งหนาและสูง ข้าวสาลีเป็นสีทอง สีเข้มกว่าข้าวโอ๊ต พวกถั่วก็สุกแล้ว ทั้งฟักทอง แครอท ผักกาด และมันฝรั่งต่างพร้อมให้เก็บแล้ว

''ในโลกนี้ไม่มีหรอกลูก ต้นไม้สองต้นที่จะเหมือนกัน'' พ่อพูด "แม้แต่ใบหญ้าสองใบก็ยังไม่เหมือนกันเลย แต่ละใบก็แตกต่างกันหากลูกมองให้ดีๆ"
"นั่นเป็นวิธีนวดข้าวของคนขี้เกียจ" พ่อบอก "ยิ่งรีบ ยิ่งเสียของ แต่คนขี้เกียจก็ชอบให้งานเสร็จไวๆมากกว่าทำเอง เครื่องจักรนั้นจะปั่นฟางจนแหลกละเอียดไม่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ และมันก็ฟุ้งกระจายไปทั่วเสียของเปล่าๆ"

ตลอดทั้งสัปดาห์นั้นและสัปดาห์ถัดไป อัลแมนโซยังคงลากไม้จากลานตัดไม้ เขาเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคนขี่ และคนลากไม้ที่ดีทีเดียว ทุกๆวันเขาจะเจ็บเท้าน้อยลง และในที่สุดเขาก็แทบจะเดินไม่กะโผลกกะเผลกเลย

"เอาล่ะ ลูกต้องคิดแล้ว" พ่อพูด "พ่อต้องการให้ลูกตัดสินใจ ฝึกงานกับแพ็ดด็อก ลูกก็จะมีชีวิตที่สบาย อย่างไรก็ตาม ลูกไม่ต้องออกไปกลางแจ้งในทุกสภาพอากาศ กลางดึกอันหนาวเหน็บในฤดูหนาวลูกจะได้นอนอุ่นสบายบนเตียง และไม่ต้องวิตกกังวลถึงลูกวัวที่กำลังจะหนาวตาย ไม่ว่าจะฝนตกหรือฟ้าแจ้ง จะมีลมหรือหิมะลูกก็อยู่ในที่ร่ม ลูกจะมิดชิดอยู่ภายในกำแพง ลูกน่าจะมีอะไรมากมายให้รับประทาน มีเสื้อผ้าดีๆใส่ และยังมีเงินฝากธนาคาร"

"เกษตรกรพึ่งพาตนเอง และที่ดินกับลมฟ้าอากาศ หากลูกเป็นเกษตรกร ลูกปลูกอะไรลูกก็ได้ทานอย่างนั้น แล้วลูกก็ได้เอามาทำเสื้อผ้าเอง และลูกใช้ไม้ที่ลูกตัดเองมาทำให้ลูกอบอุ่น ลูกทำงานหนักแต่ลูกก็ทำงานตามความพอใจของลูก และไม่มีใครบอกให้ลูกไปไหนต่อไหน ลูกเป็นอิสระและไม่พึ่งพาใคร เมื่อลูกมีฟาร์ม"
.................................................................................................



เรื่องที่สอง -CHARLOTTE'S WEB 
E.B. White : เขียน / คณา คชา : แปล
ข้าชอบเรื่องมิตรภาพ 
และอยากมีมิตรที่ดี ข้าจึงชอบที่จะอ่านเรื่องนี้
แม้ว่าจะพึ่งเริ่มอ่านได้ไม่นานนัก 
แต่เมื่ออ่านจบ ข้าอาจได้มุมมองใหม่ๆ 
สำหรับหนังสือเด็กเรื่องนี้
ชาร์ล็อต เว็บ เป็นวรรณกรรมเยาวชนสำหรับเด็ก และถูกยกย่องว่าเป็นหนังสือเด็กที่ดีที่สุดในศตวรรษ ตอนแรกข้าก็ลังเลที่จะอ่าน เพราะมันคือหนังสือสำหรับเด็ก ไม่ก็เหมาะกับเด็กมากกว่า แต่ถ้ามองในมุมต่าง ข้าคิดว่าสมควรต้องอ่านเพราะมันไม่เสียหาย มีแต่จะได้ด้วยซ้ำ เราไม่รู้เราจงลอง เมื่อลองแล้วจะรู้ หากไม่ได้ ก็คงไม่เสียเพราะมันคือการอ่านหนังสือ ข้าจึงหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านต่อ หลังจากอ่านหนังสือ ฟาร์มเมอร์ บอย จบ (ช่วงนี้ข้าชื่นชอบวรรณกรรมคลาสสิคเป็นพิเศษ) เนื้อหาในเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตของหมูหนึ่งตัว วิลเบอร์ คือชื่อของเขา วิลเบอร์รักชีวิตและโลกสวยงามใบนี้ รักมิตรภาพที่ดีในหมู่เพื่อนสัตว์ด้วยกัน และเพื่อนรักของวิลเบอร์นั้นชื่อว่า ชาร์ล็อต เป็นแมงมุมตัวใหญ่สีเทา มีแปดขาและสวยงาม ข้าชอบเมื่อวิลเบอร์ถามชาร์ล็อตว่า ทำไมจึงช่วยเหลือเขาตลอดเวลามากมายเหลือเกิน แมงมุมชาร์ล็อตได้ตอบวิลเบอร์ว่า เพราะวิลเบอร์เป็นเพื่อน และนั่นเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตอันสั้นที่เกิดมาสำหรับเธอ

 (note: these are all words from Charlotte's Web)
(เนื้อหา-อักษรทั้งหมดจากหนังสือ ชาร์ล็อต แมงมุมเพื่อนรัก)

"ฉันได้เพื่อนใหม่แล้ว ไม่รู้เป็นมิตรภาพแบบไหนกัน! ชาร์ล็อตดูโหดร้าย ป่าเถื่อน กระหายเลือด-- ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย แล้วนี่ฉันจะชอบเธอได้อย่างไรกัน แม้เธอจะสวยแค่ไหนก็ตาม แน่ละ แล้วยังฉลาดอีกด้วย"

วิลเบอร์รู้สึกเคลือบแคลงและไม่สบายใจ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่มักเกิดขึ้นเมื่อได้รู้จักเพื่อนใหม่ แต่เขาจะได้รู้เมื่อถึงเวลา ว่าเขาคิดผิดในเรื่องชาร์ล็อต ชาร์ล็อตนั้นแม้ท่าทางจะดูโอ้อวดและโหดร้าย หากลึกลงไปชาร์ล็อตมีจิตใจที่งดงาม และเธอก็ได้พิสูจน์สิ่งนั้นให้เห็นในที่สุด
......................................................................................................................
.....................................

(เรื่องสั้น) I'M GLAD

I'm glad -me too





ข้ามีต้นไม้กระถางไร้ดอก -และแน่นอนว่าข้าหามา เหตุจากความเหงาที่ก่อตัวขึ้น-เวลาละเล็กละน้อย ถ้าข้ามีบางอย่างที่ต้องดูแลและใส่ใจ ข้าอาจดีขึ้น 

: ทำไมข้าไม่ออกจากบ้านเพื่อพบปะผู้คนน่ะหรือ ก็เพราะข้าไม่ชอบ ข้าพึ่งถือกำเนิดมาไม่นาน ยากนักที่จะเอ่ยคำว่า สวัสดี จากนั้นก็ชวนเขามาเป็นเพื่อน? ข้าคงไม่ทำเช่นนั้น

: รดน้ำ? ข้าทำทุกวันในยามเช้า พูดคุย และเล่าเรื่องราวต่างๆ เล่าว่าวันนี้ข้าไม่อยากตื่นขึ้นมา เฉกเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา แต่เพราะข้ามีเจ้าต้องดูแล เล่าว่าเจ้าสำคัญนะ คือเหตุผลหลักๆที่ทำให้ข้าตื่นด้วยความเต็มใจเชียวล่ะ

: เติบโตมากขึ้น เจ้ามีใบสีเขียวเข้มและอ่อนสลับกันไปมา บางครั้งข้าก็สงสัยว่านั่นเปรียบได้กับเส้นผมบนศรีษะของมนุษย์หรือไม่ ถ้าใช่ ข้าต้องตัดมันหรือไม่ล่ะ หรือว่าบางทีเจ้าอาจจะอยากไว้ทรงผมแบบว่า เอิ่ม... ยาวสลวยเหมือนข้า ... มันก็เป็นได้นะ

: ไม่เคยตอบกลับ? แน่นอนว่าข้าพูดคนเดียวตลอดเวลานาทีที่เอ่ยปากออกเสียงกับเจ้า เจ้าไม่เคยตอบกลับข้า ไม่เคยพูดหรือทำสิ่งใด แต่เจ้าตอบสนองการดูแลของข้า เพราะเจ้าเติบโต และแข็งแรง

: แตกต่าง? ข้าคิดว่าเจ้ามองข้าว่าแตกต่าง เจ้าจึงไม่ได้โต้ตอบหรือพูดคุย และบางครั้งข้าก็คิดว่าภาษาของเราอาจไม่ตรงกัน เจ้าคือธรรมชาติ ข้าคือมนุษย์ ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะเหงาหรือไม่ เหมือนที่ข้าเหงา ในเมื่อไม่มีสิ่งใดที่เป็นเหมือนกัน อยู่ด้วยกันกับเจ้า 

: ดูแลเจ้าดังเดิม เหมือนเดิม ทุกวัน...

: ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง...

: เจ้าอาจต้องการเพื่อน สิ่งที่เหมือนกับเจ้า


เช้านี้ข้ายังคงดูแลเจ้าดังเดิม สิ่งเล็กๆที่มีสีเขียวอบอุ่น แต่ช่วงสายของยามเช้านั้นแตกต่าง ข้ามีสิ่งที่ต้องทำและจัดการ -ของขวัญให้เจ้า 

: ของขวัญ ยามเย็นของวันนี้ ข้ามีของขวัญมาให้เจ้า -เพื่อนของเจ้า -เหมือนเจ้า 

: กระถางต้นไม้สีเขียวไร้ดอก ข้าหามา ข้าเลือกกระถางเฉดสีเดียวกับของเจ้า ขนาดเท่ากัน 

: พบกัน ข้าจัดวางกระถางต้นไม้สีเขียวนี้ไว้ข้างๆกับกระถางของเจ้า ระดับที่เท่าๆกัน

: คู่แฝด แลดูเหมือนว่าเจ้าทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่างกันแค่ความอ่อนและแก่ของอายุที่พวกเจ้าเจริญเติบโต ข้าคิดว่าเจ้าดีใจที่ได้เห็นสิ่งที่เหมือนตนเอง เป็นแบบเดียวกัน อยู่ด้วยกันกับเจ้า หรืออย่างน้อย ก็อยู่ในที่ที่เจ้านั้นมองเห็น

: ทุกเช้า ดูแลเจ้าทั้งสองเหมือนเดิม แต่ใส่ใจเพื่อนใหม่ของเจ้ามากกว่าเพราะเขายังเด็กและยังต้องการ-การดูแลมากกว่าเจ้า ข้ารดน้ำ ข้าใส่ปุ๋ยเล็กน้อย ข้าพูดคุยเช่นเดียวกันกับเมื่อข้าดูแลเจ้า

: เฝ้าดู ข้าเฝ้าดูเจ้าทั้งสองเจริญเติบโต และในไม่ช้าเพื่อนใหม่ของเจ้า น้องใหม่ของบ้านก็เจริญเติบโต ตอนนี้กิ่งก้านที่อ่อนนุ่มของมันก็ยาวเลื้อยออกมานอกกระถาง เช่นเดียวกันกับของเจ้าเมื่อไม่นานมานี้

: ทุกเช้า ข้ามีความสุขดีที่ได้ตื่น -หรือมีเหตุผลให้ตื่น ข้าดูแลเจ้าทั้งสองได้ดีทีเดียว พวกเจ้าต่างพากันเจริญเติบโต มีสีเขียวเข้มและอ่อนสลับกันไปมา สัมผัสเย็นๆที่ยอดใบของเจ้าเมื่อข้ายื่นมือไปจับ และบีบเบาๆอย่างอดใจไม่ได้ ตอนนี้ข้าสนุกดีและไม่เหงา ข้าชอบนั่งดูพวกเจ้า ดูสายลมพัดผ่านถูกกิ่งก้านของเจ้า ลมหนักๆหน่อยก็ทำให้เจ้าพลิ้วไหว เบาหน่อยก็ทำให้เจ้าส่ายไปมาเล็กน้อย 

: สื่อสาร เจ้ายังคงเงียบกับข้า เจ้าทั้งสองยังคงไม่โต้ตอบสิ่งใด แต่ข้าก็ไม่ได้เสียใจหรือทุกข์ใจ ในเมื่อข้ารู้ ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าทั้งสองเข้าใจทุกอย่าง และข้ารู้ว่าเจ้าทั้งสองพูดคุยกัน สื่อสารกัน ดึงดูดกัน ข้าสัมผัสได้ถึงความสุขและสนุกที่มาจากพวกเจ้า ยามที่ข้าเฝ้ามองเจ้าทั้งสอง ยามที่สายลมหนักๆพัดผ่านเข้ามา ตอนนี้พวกเจ้ามีขนาดเท่ากันแล้ว กิ่งก้านอ่อนนุ่มเหล่านั้นกำลังยืดยาวและเลื้อยไปมา -ข้าต้องหาข้อมูลสักหน่อยแล้วล่ะ ว่าต้องตัดทิ้งหรือไม่- 

การเปลี่ยนแปลง
 : เช้านี้ ข้าตื่นลืมตาในเวลาปกติ เท่าเดิมของทุกวัน และยังคงทำทุกอย่างเหมือนดังเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ข้าไม่เหมือนเดิมและรู้สึกประหลาดใจก็คือ เจ้าทั้งสอง ธรรมชาติของข้า ที่ข้ามีได้ในบ้านหลังนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ข้าเดินช้าๆไปหาพวกเจ้า ก้มตัวและเอียงคอมองดูพวกเจ้าไกล้ๆ ข้าอุทานด้วยใจที่ตื่นเต้น  นี่พวกเจ้าจับมือกันหรืออย่างไร?

: จับมือกัน กิ่งก้านสีเขียวอ่อนนุ่มของพวกเจ้าทั้งสอง เกี่ยวพันกันราวกับแขนของมนุษย์สองตนที่เอื้อมมือมาจับกัน นั่นทำให้ข้ารู้สึกและคิดได้มากมาย บางความคิดก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

 ดังนั้นเช้านี้ข้าจึงมีเรื่องต้องจัดการเพิ่มเติม หลังจากที่ดูแลเจ้าทั้งสองแล้ว
ข้าได้ขยับ เคลื่อนย้ายกระถางของพวกเจ้าทั้งสอง ให้เข้าหากันอีกอย่างละเล็กละน้อย โดยไม่เคลื่อนย้ายของใครฝ่ายเดียว เพราะข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองมีความต้องการที่จะไกล้กัน เท่ากัน ทั้งคู่ -และเมื่อพวกเจ้าทั้งสองเคลื่อนย้ายเรียบร้อยแล้ว กิ่งก้านสีเขียวที่เปรียบดั่งแขนของพวกเจ้าก็ห้อยต่ำลงมา ราวกับคนสองคนจับและจูงมือกัน ช่างน่ารักนะ ข้าคิด
บ่ายวันนั้น ข้านั่งวาดรูปของพวกเจ้าทั้งสอง ข้าชอบวาดรูปและลงสี ข้าชื่นชอบงานศิลปะทุกแขนงหากพวกเจ้าไม่รู้ ข้าได้เขียนข้อความไว้ใต้ภาพวาดของพวกเจ้าทั้งสองด้วยนะ 

 ไม่ว่าอะไร สิ่งใด หากว่ามีชีวิตหรือหัวใจที่เต้น ล้วนต้องการ
 ต้องการรัก สนุก สุข และมิตร
ธรรมชาติก็เช่นกัน เราควานหาหัวใจที่เต้นแบบเราในตัวพวกเขาไม่ได้
แต่เรารู้สึก สังเกตุ และสัมผัสได้
พวกเขามีชีวิต เกิดและเติบโตแบบเรา รวมถึงตายจากไป ก็ได้เช่นกัน 

แด่- สหายสองต้นสีเขียวของข้า
ขอบคุณที่ทำให้ข้าไม่เหงาเหมือนที่เคยเป็น และขอบคุณที่สอนให้ข้าเข้าใจ
ทำให้ข้ามองเห็นว่าทุกสิ่งมีชีวิตล้วนต้องการอยู่ในที่ที่เหมาะสม 
อยู่กับพวกพ้องผู้คนที่เหมือนตนเอง
ทำให้ข้ามองเห็นตนเอง แล้วเห็น
เห็นความแตกต่างในตัวข้า
ที่ทำให้ข้ายังหาคนที่เหมือนกันกับข้า อยู่ด้วยกันกับข้าไม่ได้
แต่สักวันหนึ่ง เมื่อข้าออกเดินทาง ข้าอาจเจอเพื่อน พบมิตรและสหาย
ที่เหมือนกันกับข้า หรือยอมรับข้า ชอบในสิ่งที่ข้าเป็น
เมื่อนั้นข้าจะเติบโตและอยู่ได้
ข้ามองดูพวกเจ้า เรื่องเล็กๆที่มีอิทธิพลของข้า

ขอบคุณอีกครั้ง สหายสีเขียว

.................................................................................................................................................
If you have any questions, or would like to talk, contact me!
salinsiree.witchy@yahoo.com



HOME -เปิดบ้าน

NEW YEAR 2016 

ปีใหม่ ปี พ.ศ. 2559  

- Hello

my name is SaLinsiree :)
.
.

[บ้านนี้ของเราจะมีแต่ -เรื่อง-ราว เรื่อง-สั้น เรื่อง-ให้อ่าน เรื่อง-ให้คิด] 

-ขึ้นชื่อว่า บ้าน : ก็ย่อมต้องมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และสิ่งมีชีวิตตนนั้นแหละคือผู้ที่จะมาเขียนเรื่องราวต่างๆ และคำว่าบ้านในที่นี้ ก็ไม่ใช่บ้านหลังหนึ่งทั่วๆไป หากแต่เป็นบ้านแห่งจินตนาการในหัวของคนๆหนึ่ง ซึ่งมีทางเดินนับร้อยเชื่อมต่อกับบรรไดลึกลับ และประตูกลอีกมากมายที่รอให้ใครสักคนมาเปิด
-สิ่งมีชีวิตในบ้าน : เป็นมนุษย์ เพศหญิง รูปร่างเล็ก ค่อนข้างผอม ส่วนสูงไม่ค่อยดี และมีผิวสีแทน มีผมสีดำยาว ย้ำว่ายาวมาก นิสัยรู้แต่จะบอกว่าไม่รู้ เพราะคนที่รู้ดีคือคนที่ดีที่รู้จักและอยู่กับเรา ทำอะไรต่างๆกับเราต่างหาก มองเห็นทั้งดีและไม่ดีในตัวเรา

-เพื่อนบ้านหรือสหาย : ไม่แน่ไม่นอน พบเจอได้เรื่อยๆระหว่างทาง เพราะบ้านแห่งจินตนาการหรือในชีวิตจริงนั้น 
มักมีการกล่าวคำว่าสวัสดีไม่รู้จบ 
และเอ่ยคำว่าลาก่อนไม่รู้ลืม



welcome