(เรื่องสั้น) เกี่ยวกับ ไซย์ และ เดอลี ซาร์ // ep.1 - ในอดีต (ฉบับรวบรัด) ของทั้งสอง.... (ep.1-2 จบ)

เขาบอกว่าหล่อนเป็นผู้ร่วมงานที่มีอาการทางจิตใจ บ้างก็ว่ามีอาการหวาดระแวงเข้าขั้นเลวร้าย และแย่ลงเรื่อยๆ แต่เหตุผลที่เลือกหล่อนคือ ความสามารถ และหากว่าพวกเราสามารถยอมรับข้อเสียต่างๆของหล่อนได้ ก็จะร่วมงานกันได้และผ่านไปได้ด้วยดี เขาว่าอย่างนั้น

ไซย์สาวน้อยผู้ซึ่งมีผมสีดำและยาวถึงแค่กลางหลังในตอนนั้น กำลังนั่งขบคิดคนเดียวอยู่เงียบๆพลางนึกเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึง หล่อนคนนั้น.. ไซย์จะพูดอะไรได้ นอกจากคิดคนเดียวเงียบๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกไปเช่นที่คนอื่นทำ เพราะแน่นอนว่าจิตใจเธอก็เจ็บป่วยเหมือนกันกับหล่อนคนนั้นนั่นแหละ.. และคงจะดีถ้าหากเข้ากันได้บ้าง ไซย์คิดคนเดียวก่อนจะจินตนาการรูปร่างหน้าตาของหล่อนต่อไป พลางหยิบขนมปังบูลดูย์ก้อนโตใส่ปากและเคี้ยวตุ้ยๆด้วยความหิว

หล่อนเป็นผู้หญิงที่ผอมบางกระดูกโปนและสูงกว่าไซย์ เค้าโครงหน้าวงรีปราศจากเครื่องสำอางและมีหน้าผากที่กว้างโดดเด่นสวยงาม ผมของหล่อนเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมสีทองแก่ ผิวหนังสีครีมและค่อนไปทางซีดขาว ปากของหล่อนเล็กไปหน่อย จมูกโด่งและงองุ้มหายาก และเชื่อว่าอาจโดนล้อเลียนได้ง่ายถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่อีกโลกหนึ่งที่แสนจะธรรมดาของคนทั่วไป ดวงตาของหล่อนเป็นสีเขียวหม่นหมองไม่สดใสและไม่กลมโตหรือโดดเด่นอะไร หล่อนทำผมโดยการรวบเป็นก้อนกลมๆกลางศรีษระซึ่งไซย์ไม่มีความรู้เรื่องทรงผมมากพอที่จะมีชื่อเรียกให้กับสิ่งนั้น หล่อนสวมเสื้อสีครีมซีดเก่าๆแบบถักมือหายาก เหมาะสมกับยุคเก่าแก่และงานที่ทำ มันมีแขนยาวถึงข้อศอก และผ้าคลุมไหล่สีเหลืองอ่อนมีลายลูกไม้เล็กๆซีดจางอยู่ประปราย หล่อนสวมกระโปรงยาวถึงเท้าและมีสีเดียวกับเสื้อ นั่นเป็นสิ่งที่ไซย์จำได้ในตอนนั้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน

หล่อนเป็นคนสุภาพ ขี้อาย ไม่พูดไม่จากับใคร และไม่มีใครอยากพูดกับหล่อน ผู้ซึ่งจะมีอาการสะดุ้งจนตัวโยนได้ง่ายๆถ้าหากคุณทักหล่อน ไม่ว่าจะด้วยสำเนียงหรือน้ำเสียงแบบไหนท่ามกลางความเงียบ หล่อนผู้ซึ่งซ่อนตัวภายใต้กองหนังสือและกองเอกสารงานต่างๆที่ถูกตั้งขึ้นสูงรอบโต๊ะทำงานที่หล่อนยึดเอาไว้ใช้เพียงลำพังในห้องสมุด หล่อนจะพูดเมื่อถึงเวลาที่พวกเราต้องการจะฟัง และเมื่อถึงเวลางานที่ต้องใช้เสียง ส่วนมื้ออาหารแต่ละมื้อหล่อนจะขอตัวคนเดียวเงียบๆและไม่ร่วมโต๊ะกับใคร ยกเว้นมื้อแรกที่ได้พบกันเพราะมันคือมารยาททางสังคมของที่นี่ และแน่นอนว่าค่อนข้างอึดอัด ซึ่งหล่อนก็ได้ทำหน้าตาที่สื่อถึงความทรมานเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นวันต่อๆมาหล่อนก็ไม่เคยร่วมโต๊ะอาหารกับใครอีก ห้องนอนของหล่อนเป็นห้องเดี่ยวที่ไม่มีใครเดินผ่านเพราะอยู่ริมสุดทางเดิน นั่นหมายถึงทุกคนจะถึงห้องพักของตนก่อนจะได้เดินผ่านห้องของหล่อนนั่นเอง หล่อนมีอาการหลายอย่างที่สื่อถึงหัวใจที่เจ็บป่วยและสุขภาพจิตไม่ค่อยจะดีนัก แต่ถ้าเป็นเรื่องงานที่ได้รับมอบหมายและในส่วนของหล่อนที่ต้องทำนั้นคงต้องยอมรับ และชื่นชมได้เต็มปากว่ายอดเยี่ยม ไม่มีบกพร่อง

ทั้งหมดนี้ ไซย์จับตาและเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา พลางครุ่นคิดเพียงลำพังด้วยข้อมูลที่ได้จากการเฝ้ามองหล่อนด้วยตัวเองในทุกๆวัน ไซย์ยังไม่ได้พูดคุยกับหล่อนเพราะยังไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น และแม้จะสามารถพูดทักทายกันได้ง่ายๆ แต่ก็เพราะหล่อนปิดกั้นให้คนอื่นออกห่างและแผ่รัศมีบางอย่างที่สื่อถึง ได้โปรดอย่าทักฉันและปล่อยยฉันไปเถิด ไซย์ผู้ซึ่งไวต่อความรู้สึกต่างๆของผู้คนจึงไม่เคยได้ทักทายหล่อนนอกจากยิ้มให้ เพราะเกรงว่าจะทำให้หล่อนอึดอัดกว่าเดิม

และวันที่ทักทายหล่อนก็ได้มาถึง หลังจากครุ่นคิดอยู่นานไซย์ก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่าต้องเข้าหาหล่อนให้ได้ คนอื่นอาจมองว่าแปลกต่อเรื่องนี้ แต่สำหรับไซย์ผู้ซึ่งเป็นคนแปลกอยู่แล้วมันจึงไม่แปลกอะไรสำหรับการหาเพื่อนใหม่ หรือได้เรียนรู้ที่จะพูดคุยกับสิ่งมีชีวิตใหม่ๆแบบนี้

.......................................
เล่าว่า

"ห้าวันเต็มๆกว่าเธอจะยอมพูดกับฉัน" ไซย์หัวเราะ "นึกถึงตอนนั้นแล้วฉันอยากวางแผนใหม่และเริ่มไปทักทายเธอใหม่ เชื่อเถอะว่ามันจะไม่ใช้เวลาถึงห้าวันแน่นอน"
"ต้องยอมรับว่าเธอเหมือนปีศาจร้ายตัวเล็กๆในตอนนั้น ฉันกลัวเธอมากเลยนะ และเริ่มอยากจะจบงานให้ไวกว่าเดิมด้วยซ้ำ"
"แต่เธอก็ติดฉันแจในที่สุดนะ" ไซย์หัวเราะอีกครั้ง

........................................

เรื่องราวอย่างย่อในห้าวัน

วันแรก - ไซย์ยื่นความไว้วางใจให้หล่อนด้วยขนมคุ้กกี้ข้าวโอ๊ตแสนอร่อยอบใหม่หกชิ้น (ที่แอบหยิบมาจากในครัวของดุ๊กซี่ย์ ไวท์ แม่ครัวประจำของที่นี่) วางเรียงในจานสีขาวลายลูกไม้ พร้อมกับน้ำแอปเปิ้ลเย็นสดชื่น แต่ถูกหล่อนปฎิเสธด้วยการก้มหัวให้เป็นเชิงขอบคุณแต่ไม่รับ ก่อนจะรีบเข้าไปซ่อนตัวในโต๊ะทำงานที่หล่อนยึดเอาไว้ เป็นตัวในสุดในห้องสมุดที่มีชั้นวางหนังสือสูงตั้งรายล้อมเป็นกำแพงปกป้องหล่อนจากสายตาของผู้คน ไซย์จึงจัดการคุ้กกี้ในจานและน้ำแอปเปิ้ลด้วยตนเอง ก่อนจะไปเอาเพิ่มอีกแก้วและตั้งใจว่าวันนี้จะไม่กดดันหล่อนมาก แค่จะยิ้มกว้างๆให้หล่อนทุกครั้งที่เจอสำหรับวันนี้ก็แล้วกัน

วันที่สอง - ไซย์ทักทายระหว่างทางเดินไปห้องสมุด (ตั้งใจตื่นเช้ามายืนรอเลยนะ) และถูกหล่อนปฎิเสธด้วยการก้มหัวทักทายอย่างลุกลี้ลุกลนและตัวสั่นเมื่อได้เห็นไซย์ก่อนจะรีบเดินจากไป แต่ไซย์ก็วิ่งตามเบาๆไม่เร่งรีบก่อนจะบอกว่าเที่ยงนี้ตนจะเข้ามาทำงานในห้องสมุด อยากได้อะไรไหมจะได้หามาให้ไม่ว่าจะเป็นขนม อาหาร น้ำดื่ม หรือของที่จะใช้ทำงานเพิ่ม หรือวานให้พูดให้บอกอะไรกับใครก็ยังได้นะ (เอาสิ) แต่หล่อนกลับตัวสั่นยิ่งกว่าเดิมและรีบเดินหนีจากไซย์ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไซย์จึงหยุดเดินและคิดว่าอาการแบบนี้คือหวาดระแวงผู้คนและกลัวการสื่อสาร เธอเข้าใจดีเพราะลิ้มรสมาบ้างแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรพูดรัวใส่หล่อนหรือยัดเยียดความเป็นมิตรให้

ว่าแล้วไซย์ก็หันหลังกลับพร้อมกับคิดทบทวนเรื่องใหม่ๆโดยการแบ่งเรื่องไว้ที่สมองส่วนซ้าย และแบ่งเรื่องหล่อนไว้สมองส่วนขวากับแบ่งเรื่องอาหารเช้าไว้ที่สมองส่วนกลาง ก่อนจะเพิ่มอาณาเขตออกไปจนแทนที่ส่วนซ้ายและขวาในที่สุด

ช่วงเที่ยงไซย์ขึ้นมาพร้อมกับถาดอาหารขนาดเล็กและมีจานพุดดิ้งรวมถึงน้ำแอปเปิ้ลสองแก้ว ก่อนจะวางลงบนโต๊ะของหล่อน แต่หล่อนไม่อยู่ อาจหลบซ่อนอยู่เพราะรู้ว่าไซย์จะมา ไซย์เลือกจะเรียกชื่อหล่อนเบาๆและบอกว่า มีของว่างมา วางที่โต๊ะ ก่อนจะขอตัวไปหาหนังสือแถวๆนั้นด้วยท่าทางสบายๆกันเอง ไม่นานหล่อนก็ออกมา และไซย์ทำเป็นเดินผ่าน แบบที่ไม่มองหล่อน หล่อนสะดุ้งและตกใจแต่เมื่อเห็นไซย์ไม่ได้มองตนแม้แต่น้อยก็เลยไม่กดดันมาก ไซย์เลือกจะทำเป็นกันเอง ง่ายๆ ไม่มอง ไม่จ้อง เมื่ออยากพูดก็ตะโกนถามถ้าอยู่ไกล และเดินไปหาเพื่อดื่มน้ำแก้วที่สองของตน ถามข้อมูลหล่อนเกี่ยวกับหนังสือ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป วานหล่อนให้ช่วยหา (ทั้งที่รู้ว่าอยู่ตรงไหน) ชมหล่อน และอื่นๆ

แม้หล่อนจะหลบหนี และทำงานไม่ราบรื่นเพราะมีปีศาจตัวน้อยๆอยู่ในห้องเดียวกันนี้ และแม้ว่าห้องจะใหญ่มาก แต่ก็ต้องคอยลุ้นว่าไซย์จะโผล่มาตอนไหน นั่นทำให้หล่อนอยู่ไม่เป็นสุข แม้ว่าไซย์จะไม่ก้าวก่ายและไม่ทำให้อึดอัดมากก็ตาม

วันที่สาม - ยังคงเหมือนวันที่สอง แต่มีงานภาคสนาม ต้องออกข้างนอก และไซย์ก็คอยอยู่กับหล่อน ปกป้องและพูดแทน กับไม่เซ้าซี้หรือถามหล่อนมาก ไซย์รู้จักคนแบบหล่อนดีว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าหาได้ดี ช่วงนั่งพักไซย์ก็เลือกมานั่งกับหล่อน นั่นทำให้หล่อนกังวลและอยากร้องไห้ แต่ไซย์ก็รู้ดีแล้วรีบพูดโดยทำเป็นไม่สังเกตุเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนสีเพราะความอึดอัดของหล่อน ไซย์เล่าถึงความเหนื่อยของตนเองเหมือนไม่รู้ตัว "เฮ้อ เหนื่อยจัง ขาของฉันไม่ค่อยแข็งแรงและมันเดินมากเกินไปแล้วด้วย" ก่อนจะเล่าแบบไม่มีน้ำหนักถึงความเจ็บป่วยของตนเอง แต่เสริมกำลังใจว่าต้องทำเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ฮึบๆ!

หล่อนมองปีศาจตัวน้อยๆตรงหน้าด้วยแววตาไครรู้ อยากพูด อยากถาม แต่ปากมันก็สั่นไปหมด ไซย์สังเกตุเห็นเพียงเล็กน้อยแล้วทำเป็นพูดว่า "รู้อะไรไหม ฉันน่ะ..." แล้วก็เข้าทางของไซย์ เมื่อหล่อนตั้งใจฟัง และเริ่มถามคำถาม ไซย์ก็ดีใจ ที่ทำให้คนขี้เหงา ขี้อาย กล้าพูดกับตน หล่อนจะรู้ตัวไหมนะว่าไซย์กำลังช่วยเหลืออยู่น่ะ

พอช่วงค่ำไซย์พูดกับทุกคนให้เข้าใจหล่อน ผ่านมุมมองของไซย์ ไม่ใช่ผ่านดวงตาของแต่ละคน เมื่อแต่ละคนฟังไซย์อธิบายและเล่าในแบบของไซย์ ทุกคนจึงเริ่มตระหนักและเข้าใจหล่อนมากขึ้น ก่อนเข้านอนไซย์ไปเคาะประตูห้องหล่อนก่อนจะเรียกชื่อว่าตนมาหาและขอถามความคิดเห็นเรื่องงาน หล่อนเปิดประตูให้เคลื่อนออกเล็กน้อยพอให้มองเห็นดวงตาข้างเดียวของหล่อน

วันที่สี่ - ดีขึ้น ทานข้าวด้วยกันเงียบๆทุกมื้อ

วันที่ห้า - ดีขึ้น ทานข้าวด้วยกัน และมีพูดคุยเล็กน้อย

วันที่หก ยอมคุยด้วยแบบคนปกติ ปกติจริงๆเลยนะ เริ่มจาก หล่อนทักทายไซย์ก่อนด้วยการยิ้มให้แล้วพูดว่า "วันนี้มี..." "ที่..." "เธอต้องการ...แบบใหม่ เพื่อให้มันง่ายขึ้นไหม.." "ฉันจะทำให้..." โอวววเย่ส์ ไซย์ร้องในใจและพยายามทำเป็นกันเองเหมือนเดิม ไม่ทำอะไรตื่นเต้นที่เห็นหล่อนพูดด้วย เพื่อที่หล่อนจะได้ไม่กดดัน หลังพักไซย์และหล่อนนั่งคุยกัน และเล่นกัน เกมส์จากโลกของคนสามัญที่ไซย์พอรู้และชวนเล่น ตอนแรกหล่อนยังขัดเขิน ต่อมาก็ร้องวี้ดว้ายจนไซย์อิจฉาว่าจะสนุกอะไรขนาดนั้นน่ะ ไซย์ชี้ต้นออซต้นนั้นว่าไปเล่นที่นั่นกัน มันสวยเหมือนในนิทานเลย หล่อนจึงได้หันไปมองเป็นครั้งแรกและตกหลุมรักมันทันทีที่เห็น จึงเลือกให้เป็นที่ประจำของหล่อนในการทำงานง่ายๆ คิด เขียน และพักผ่อน ไซย์ก็ชอบเช่นกัน

วันหนึ่งไซย์เล่าเกี่ยวกับตนเองที่ใต้ต้นออซ และแบ่งปันเรื่องราวเศร้าๆในมุมมองของตน พร้อมกับนั่งฟังฝ่ายตรงข้ามเล่าถึงชีวิตตนเองด้วยความเขินอาย ไม่ประติดประต่อ แต่ไซย์ก็สามารถจิตนาการต่อช่วงที่ขาดๆเกินๆได้ด้วยความสามารถเฉพาะตัว 

ไซย์ได้รู้ว่าตนคือคนแรกที่ได้พูดคุยกับหล่อนแบบนี้ และได้ฟังอะไรที่ถือว่ามากสำหรับหล่อนที่จะพูดออกมาให้ใครสักคนฟัง หล่อนให้เหตุผลว่า ความพยายามเข้าหาตัวหล่อนจากไซย์ทำให้หล่อนมองเห็นบางอย่าง และพยายามพิจารณาจนเริ่มใจอ่อนแม้หวาดกลัวปีศาจตัวเล็กๆแบบไซย์ แต่มันสนุกมากที่่ได้พูดคุยและได้ทำอะไรที่เรียกว่า เล่นด้วยกัน ไซย์สอนให้หล่อนรู้จักคำนี้ และหล่อนก็ชอบ

........................................

"เดลล์ ฉันเรียกเธอว่าเดลล์ก็แล้วกันนะ เพราะว่ามันง่ายกว่าการเรียกว่า เดอลี คือหมายถึงง่ายกว่านิดหน่อยน่ะ" ไซย์พูดขึ้น
"อืม แล้วแต่เธอสิ ไม่มีใครเคยตั้งชื่อเล่นให้ฉันแบบสนิทกันมาก่อนเลย" หล่อนบอก
"ก็มีแล้วนี่ไง เดลล์"
หล่อนยิ้มเขินอายให้ไซย์แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

........................................

หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ไซย์ก็เดินทางกลับบ้าน

เรายังต่างเชื่อมต่อกันด้วยความพอดี ไม่มากเกินหรือน้อยไป จดหมายที่ส่งถึง อีเมลที่ส่งถึง กับร่วมงานกันเป็นบางครั้งหรือหนุนงานให้กันเป็นบางที จนเมื่อถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตของไซย์ที่ต้องละทิ้งหลายสิ่งในอีกโลกหนึ่ง และอาศัยอยู่ในอีกโลกที่ปกติธรรมดาของคนทั่วไป การเชื่อมต่อจึงบางเบาลง แต่ไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย เพราะเราต่างมีจุดที่เข้าใจและเหมือนกัน เรารู้ว่าอีกฝ่ายต่างปิด และเปิดตรงไหนในหัวใจของกันและกัน

.........................................
ความเจ็บป่วยที่จิตใจ

ไม่มีใครอยากเจ็บป่วยที่จิตใจหรอก คุณเรียกมันว่าอะไร ความซึมเศร้าหรือ จิตใจที่บาดเจ็บ ไม่ว่าจะอย่างไหนมันก็คือหัวใจหนึ่งดวงของคนหนึ่งคนที่กำลังป่วยทางความรู้สึก แต่ละคนมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไป บางคนเรื่องราวอาจเล็กน้อยแต่ความรุนแรงมาก บางคนเรื่องราวมากมายแต่ความรุนแรงน้อย บางคนสู้ไหวทั้งที่เรื่องราวก็มาก ความรุนแรงทางความรู้สึกก็มาก บางคนสู้ไม่ไหวแม้เรื่องราวจะน้อยก็ตาม มันเพราะอะไรเหรอ? เพราะสิ่งรอบตัวไม่เหลืออะไรให้เยียวยา.....

เดอลี ซาร์ หรือที่ไซย์ตั้งชื่อเล่นให้ว่า เดลล์
เป็นสาวน้อยคนหนึ่งที่เจ็บป่วยทางจิตใจตั้งแต่ยังเด็ก เดลล์ปราศจากความรักของพ่อแม่ และไม่ได้เติบโตมาในที่ที่ดีนัก และใช้ชีวิตเพียงลำพังคนเดียวตั้งแต่อายุสิบสามปี เดลล์หวาดกลัวผู้คนและไม่ชอบพูดคุยกับใคร เก็บตัวเงียบและขี้อาย เดลล์ตื่นตกใจง่ายกับทุกสิ่งใหม่ๆและหวาดระแวงเรื่องราวใหม่ๆว่าจะนำพาสิ่งใดมา รวมถึงการสนทนาใหม่ๆว่าจะนำความรู้สึกใดมาสู่ตน กลัวว่าทุกคนจะไม่ชอบและรังเกียจ กลัวทุกสิ่งและอ่อนไหวกับทุกอย่าง เดลล์เก็บตัวอยู่ในห้องพักโทรมๆที่ไม่เคยออกไปไหนไกล นอกจากซื้อของใช้ในร้านสะดวกซื้อหลังเที่ยงคืนที่คนน้อยและบางตา เดลล์ผู้เหงาและเดียวดาย เปล่าเปลี่ยวและซึมเศร้า เธอมักจะรับงานผ่านอีเมลและเครื่องมือเก่าๆโบราณของเธอภายในห้อง ทำและส่งภายในห้อง เดลล์ออกไปทำธุระหรืองานภายนอกได้แต่ต้องทานยาหลายชนิดเพื่อรวบรวมความกล้าต่อการเจอผู้คน เดลล์ผู้น่าสงสาร เธอมีความสามารถมากมายและเก่งหลายด้านเกี่ยวกับตัวอักษรทั้งเก่าและใหม่ ทั้งจากยุคนี้และยุคก่อน เดลล์รักงานนี้มาก เธอรักงานเขียน และอยู่เบื้องหลังงานต่างๆมากมายแต่ไม่เคยได้รับการยกย่องแม้ทุกคนจะรู้และทราบ ก็ใครจะอยากยกย่องคนที่เอาแต่หลบซ่อน คนที่จิตป่วย เดลล์มักคิดแบบนี้และน้อยใจเสมอมา

 เดลล์ร้องไห้บ่อยมากในระยะหลัง และอาการก็ทรุดลงเรื่อยมา เดลล์รับรู้และคิดว่าคงอีกไม่นาน เดลล์คิดแบบนี้เสมอและมักจะพูดกับไซย์ ที่ยึดเหนี่ยวแห่งเดียวของทุกโลกที่เดลล์อาศัยและเกี่ยวข้อง ไซย์คือเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่เดลล์รักและให้ใจ ด้วยความที่ไซย์ก็มีหัวใจที่เจ็บป่วยเหมือนกันและมีเรื่องราวร้ายๆมากกว่า เดลล์จึงถือว่านี่เป็นกำลังใจและเป็นตัวอย่าง แม้เดลล์ต้องการหลายอย่างจากไซย์ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ย หรือบอกว่าไซย์คือเพื่อนคนเดียวที่เดลล์มี เพราะเดลล์รู้ว่าไซย์มีเพื่อนรักอยู่แล้ว จึงพอใจที่ได้เป็นแค่เพื่อนที่ดีของไซย์เท่านั้น

แต่ไซย์ก็ไม่เคยทอดทิ้งเดลล์ ทุกครั้งที่รับรู้ ไซย์จะพยายามช่วยเท่าที่จะทำได้เสมอมา แต่เพราะเดลล์มีความคิด คิดว่าไม่กล้าที่จะใช้ชีวิตต่อ มันผุดขึ้นในใจเสมอ และบ่อยครั้ง เดลล์ร้องไห้บ่อยขึ้นและไซย์ก็เป็นที่พึ่ง ทั้งเรื่องงาน และเรื่องอาหารในตอนสุดท้ายของชีวิตเดลล์ เดลล์ออกภายนอกเพื่อไปพักอยู่กับไซย์และ ได้เดินทางไปทำงานในที่ที่ไกลแสนไกล ก่อนจะล้มเหลวกลับมา นั่นคือจุดเปลี่ยนให้เดลล์จม และดิ่งลงสู่ความมืด รอบตัวเดลล์เปล่าเปลี่ยว ไม่มีสิ่งใดช่วยเยียวยาเดลล์ได้อีกแล้ว ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว แม้แต่ไซย์ก็ยังไม่อาจช่วยความรู้สึกที่เหมือนดิ่งลงเหวนี้ได้ ทำไมหัวใจถึงได้กลวง เป็นช่องว่างขนาดนี้ มันลึกและไม่สามารถหาสิ่งใดมาเติมเต็มได้ ทุกอย่างดูสวนทางกับเดลล์ เมื่อเดลล์ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาชีวิตอย่างไร อย่างไรที่ไม่ต้องพึ่งพาคนที่กำลังลำบากเช่นไซย์ เดลล์มองดูไซย์เจ็บป่วยและเดินลำบาก แต่ยังคงต้อนรับและปลอบใจเดลล์ที่ไปหา พร้อมมอบอาหารมื้อสุดท้ายให้เดลล์ จากนั้นเมื่อเดลล์กลับห้องพักของตน เดลล์ก็ตัดสินใจได้ เกี่ยวกับชีวิตของตน....

.........................................

กลางดึกที่ไซย์นอนไข้ขึ้นและทุกข์ทรมานอยู่นั้น สายตาได้มองเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ปลายเตียง
"เดลล์หรอ.. มาแล้วหรอ.. มาดึกจัง หิวไหม? มีอาหารในตู้เย็นนะ จัดการได้เลย.."
เดลล์ไม่ตอบกลับไซย์ นอกจากยิ้มให้ ไซย์มองดูเพื่อนสาวด้วยความมึน งง และสับสนเพราะพิษไข้
"มีอะไรหรือเปล่าเดลล์" ไซยเค้นเสียงถามออกไป
"ขอบคุณนะไซย์ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อสุดท้าย มันอร่อยมาก.. เธอทำอาหารอร่อยเสมอเลย"
"ไม่หรอก.. บางครั้งก็ไม่อร่อยนะ ถ้าไม่ได้ชิมเองน่ะ" ไซย์ตอบกลับเดลล์

ไซย์นอนพลิกไปมาอีกครั้งก่อนจะเรียกหาเดลล์ที่เงียบไป แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวแล้วนอกจากผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังช่วยไซย์เช็ดตัว ไซย์จึงถามว่าเห็นเพื่อนสาวของเธอหรือไม่ แต่เขากลับตอบเธอว่า ไม่เห็นและไม่มีใครมาทั้งนั้น ทั้งหมดเป็นอาการเพ้อปกติ เวลาที่เธอมีไข้ขึ้นสูง ตอนนั้นเองที่ไซย์เข้าใจและคิดได้ก่อนจะลุกขึ้น และพูดว่า "ช่วยพาฉันไปหาเดลล์ที"

.........................................

ตอบจบ

ร่างของเดลลี ซาร์ นอนนิ่งด้วยความสงบ

ไซย์ได้จัดการทุกอย่างด้วยแรงกายที่มี ส่วนแรงใจไซย์ไม่ได้ใส่ใจมากนักว่ามีเท่าไหร่ คนเรามักทำอะไรได้เกินตัวเสมอนั่นแหละ คิดอย่างนั้นแล้วไซย์ก็ทำทุกสิ่งต่อไป

ไซย์ได้ฉีดยาเพื่อไม่ให้ร่างกายของเดลล์เน่าเปื่อย และฉีดยาที่ไม่ทำให้ร่างกายของเดลล์แข็งจนเกินไป ไซย์ถอดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำลายและอาเจียน รวมถึงปัสสาวะและอุจจาระตัวเก่าของเดลล์ออกและยัดใส่ถุงขยะสีดำ จากนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาช่วยไซย์โดยการอุ้มร่างที่เปล่าเปลือยของเดลล์ขึ้นมา และพาไปห้องน้ำในห้องของเดลล์ ก่อนที่ไซย์จะทำความสะอาดร่างกายของเดลล์ด้วยการอาบน้ำให้สะอาดเท่าที่จะทำได้ (ไซย์ไม่ได้เลือกวิธีเช็ดตัวเพราะหลายสาเหตุ ไม่ขออธิบายเพราะน่าจะเดากันได้) จากนั้นชายหนุ่มที่คอยอยู่ก็ช่วยอุ้มร่างที่เปล่าเปลือยของเดลล์ขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพาไปที่เตียงนอน ซึ่งตอนนี้ปราศจากคราบสกปรกก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากหญิงสาวผมแดงคนหนึ่งได้ดึงผ้าปูเตียงออกและจัดการที่เหลือด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มวางร่างของเดลล์ลงบนเตียง จากนั้นไซย์ก็เช็ดตัวเดลล์ ก่อนจะไปหารื้อเสื้อผ้าในลังที่ยังไม่ได้เปิดตอนย้ายเข้าหอพักมา และในตู้เสื้อผ้า แต่ก็ยังไม่ถูกใจจนถูกทักว่าให้รีบเร่ง

แต่เพราะไซย์ยังมีขาที่ไม่แข็งแรงและทำอะไรไม่สะดวกมากนักจึงล่าช้า ชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่จึงเข้ามาช่วยแล้วถามไซย์ว่าต้องการเสื้อผ้าชุดไหนหรือเปล่า ไซย์ตอบว่าต้องการตัวสีครีมเก่าๆที่ถักมือแบบยุคเก่าๆ กับผ้าคลุมไหล่สีเหลือง แล้วก็กระโปรงสีครีมที่ยาวๆถึงข้อเท้า เมื่อไซย์อธิบายจบ หญิงสาวผมสีแดงก็เอ่ยขึ้นให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน ชายหนุ่มจึงจัดการหาแทนไซย์ที่ยืนสั่นไหวไปมา เมื่อได้แล้วทั้งไซย์และหญิงสาวผมแดงก็ช่วยกันสวมใส่เสื้อผ้าให้เดลล์จนเรียบร้อย จากนั้นไซย์จึงหวีผมให้เดลล์อีกครั้งก่อนจะจัดร่างกายของเดลล์ให้นอนหงายอย่างสงบนิ่งบนเตียง

ไซย์นั่งลงข้างๆร่างที่ไร้วิญญาณของเพื่อนสาว มองดูผิวที่ซีดจนเป็นสีขาวอมเทา ร่างกายที่ผ่ายผอม ดวงตาที่ดูโปนภายใต้เปลือกตาที่หุ้มปิดอยู่ และเล็บที่มีสีเขียวคล้ำอมม่วง

จากนี้ก็รอเคลื่อนย้ายศพของเดลลี ซาร์
ไซย์คงต้องพึ่งพาพ่อของชายหนุ่ม เพราะคิดว่าไม่มีทางไหนจะสะดวกและเรียบร้อยดีที่สุดแล้ว อีกอย่างเดลล์เองคงจะดีใจ ถ้าคนที่เคยรู้สึกดีด้วยในช่วงสั้นๆมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ ไซย์จะต้องจัดการของทุกอย่างของเดลล์และอื่นๆ ไซย์คิดว่าตัวเองเหนื่อยล้าและทุกข์ใจมาก แต่ไซย์ก็กลับนั่งอยู่เฉยๆ

ก่อนจะมีมือมาแตะที่ไหล่เบาๆ ไซย์เงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะน้ำตาไหล และมันก็ไหลไม่หยุด จากมือที่แตะไหล่เบาๆ ก็กลายเป็นการกอดจากข้างหลังที่หนักแน่น นี่คงเป็นกำลังใจสินะ กำลังใจแบบที่เดลล์ไม่อาจมี ยิ่งคิดไซย์ก็ยิ่งเจ็บปวด เจ็บปวดจนอ้อมกอดนั้นเริ่มร้อนฉ่า

..............................................

เดลล์สั่งเสียในจดหมายว่าต้องการให้นำเถ้ากระดูกของเธอไปฝังไว้ที่ใต้ต้นออซของหอสมุดคิลส์ ไซย์ยืนพูดบนดาดฟ้า ชายหนุ่มรับฟังก่อนจะพูดว่าที่นั่นคงสวยงามมาก และคงอยู่ไกลมาก มันคงมีค่าในความทรงจำสำหรับเดลล์ใช่ไหม ไซย์ยิ้มก่อนตอบว่า อืม มันไกลแสนไกลมากเลย แถมยังสวยงามมากเลยนะ มันเป็นที่ที่ฉันกับเดลล์รู้จักกันเป็นครั้งแรกน่ะ ชายหนุ่มหลับตาและลองจินตนาการก่อนเอ่ยว่า ตัวเขาคงไม่มีทางได้เห็นสถานที่นั้น ไซย์จึงบอกว่า ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ชายหนุ่มคงอยากแย้งตรงๆว่า มันไม่ใช่ที่สำหรับคนสามัญแบบเขามากกว่า แต่ก็คงไม่กล้า ซึ่งไซย์ก็คิดว่าดีแล้ว เพราะตอนนี้ยังไม่เหมาะสมนัก

ไซย์คิดเสมอว่า เดลล์ไม่ได้รักตน นอกจากรู้สึกดีด้วย ทั้งที่เดลล์นั้นรักเสมอมา แต่ไม่กล้าพูดและขออะไรมากจากไซย์ ไซย์จึงรู้สึกอ้างว้างและคิดว่าตนนั้นทำไม่ดีพอกับเดลล์

.............................................

ณ หอสมุดคิลส์
จดหมายฉบับเร่งด่วนถูกส่งมาจากปีศาจตัวเล็กๆที่มีชื่อเสียง นามว่า ไซย์ลี่ หรือเรียกสั้นๆว่า ไซย์ มันถูกผลึกด้วยตราเฉพาะของเธอ หลังจากดิรอยด์ผู้นำสูงสุดของคิลส์แกะจดหมายออกจากซองด้วยมือที่สั่นเทา ทันทีที่อ่านจบเขาก็อุทานด้วยความตกใจระคนเสียดาย พลางคิดว่าหนุ่มสาวยุคนี้ทำไมถึงคิดอะไรง่ายนักในเรื่องของความตาย

ภายในหอสมุดคิลส์ ผู้คนต่างสวมชุดดำ และผนังสำหรับจารึกทั้งในและนอกปราสาทตอนเหนือถูกประดับด้วยอักขระสวยงามที่มีความหมายว่า "ระลึกถึง เดอลี ซาร์ ผู้สร้างและคุ้มครองอักขระของยุคเรา" และที่ทางเข้าหอสมุด ภาพวาดสีน้ำ ที่วาดอย่างเร่งด่วนถูกทำขึ้นและประดับไว้หน้ากำแพงจารึก มันคือภาพของ เดอลี ซาร์ พร้อมประวัติและผลงานหลักๆของเดอลีที่ถูกเขียนอยู่ข้างใต้รูป

เดอลี ซาร์ วัย 25 ปี
.
ผู้ช่วยสร้างอักขระรอมมัล ปี 2002
ผู้ช่วยแปลและถอดความอักษรรูนระดับแปด
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการคิดค้นวิธีสร้างแผนที่เซ้าค์มอลติน 2011
ผู้ถอดความบทฮันซาร์ที่มีอายุ สองพันปี
ผู้ที่ริเริ่มวิธีคิดเลขด้วยอักษรมีร์อย่างย่อ
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแปล-แก้ไขแผนที่ต่างๆมากมาย เช่น
-แผนที่ปราสาทเดอลาฟรอนซ์ จากฉบับดั้งเดิมเป็นภาษาปัจจุบัน
-แผนที่หอสมุดคิลส์จากภาษาดั้งเดิมเป็นภาษาปัจจุบัน
-แผนที่อารยธรรมของชนเผ่านาร์
-แผนที่หอดูดาวและศาสตร์มืดของ เนท รีมัส
และอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง
ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทำภารกิจ โดซัคร์ ของ ฟาร์ยัว ร่วมกับไซย์ลี่และทีมของคิงส์
ทั้งยังร่วมแปลและถอดความสำคัญของหนังสือเรียนสำหรับนักเรียนรุ่นเยาว์ ตลอดเรื่อยมา
รวมถึงผลงานอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง
...
(ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะไซย์ ก็จะใครอีกล่ะ..)

ไซย์คิด และตั้งใจที่จะให้เป็นแบบนี้ แม้จะต้องบังคับขู่เข็ญกันก็ตาม แน่นอนว่าในจดหมายที่ไซย์เขียนถึงหอสมุดคิลส์นั้น มีคำขอ และข้อบังคับที่ไซย์ขอร้องให้ทำโดยให้เหตุผลที่อาจทำให้คนที่เป็นความดันโลหิตสูงอย่างดิรอยด์ มีความเสี่ยงที่ความดันจะขึ้นสูงไปอีกหน่อยหลังจากอ่านจดหมายจบ 

ไซย์ยังแนบข้อความและรายละเอียดผลงานของเดลล์มาพร้อม ซึ่งต้องขอบคุณเพื่อนเก่าแก่ ณ หอสมุดแห่งหนึ่งที่ช่วยเรียบเรียงให้อย่างเร่งด่วน มันคงจะดี ถ้าการจากไปของเดลล์มีความสำคัญ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเดลล์ถูกมองข้ามเพราะหลายอย่าง ทั้งความเจ็บป่วย สถานะ และไม่มีพื้นฐานทางสังคม เดลล์อาจสร้างมันได้หากไม่กลัวผู้คนตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มทำงาน แต่เดลล์กลับไม่ทำ ไม่ยอม ไม่สร้างฐานสังคม เหมือนกับที่สร้างผลงาน มันจึงทำให้เดลล์อยู่ในที่แคบด้วยความน้อยใจ หลายผลงานที่ไม่มีชื่อเดลล์เพียงเพราะเดลล์ไม่เรียกร้องไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการ หากแต่เดลล์ไม่กล้า ชื่อของเดลล์ไม่เคยโดดเด่นเลย แม้หลายงานจะมีชื่อ แต่หลายงานก็กลับไม่เปิดเผย มันอาจถูก เพราะบางภารกิจจะไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ทำภารกิจ แต่อย่างน้อยตอนนี้ไซย์ก็ได้ทำให้เดลล์มีชื่อในที่ที่ควรจะมี มีหลายคนพูดว่า คนนี้เองเหรอที่เป็นคนทำ... คนนี้เอง.. ออใช่ๆ... และอื่นๆหลังจากนั้นไม่นาน รวมถึงยังมีหอสมุดอื่นๆอีกหลายที่ ที่ร่วมรำลึกถึง เดอลี ซาร์ ดั่งที่ไซย์วางแผนเอาไว้ แถมยังดีเกินคาดเพราะไซย์ตั้งใจทำแค่เพียงหอสมุดคิลส์เท่านั้น แต่มันก็ดีแล้ว มันสมควรอย่างยิ่งที่-ที่อื่นก็ควรรับรู้ เพื่อนเก่าที่เคยทำภารกิจด้วยกันก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้เช่นกัน ต้องขอบคุณพวกเขาที่มีน้ำใจต่อเดลล์ ถ้าเดลล์รับรู้คงดีใจ ต้องดีใจอยู่แล้ว

.............................................

"เฮ้ออออ เสร็จสักที" ไซย์ถอนหายใจยืดยาว แล้วใช้นิ้วมือที่เย็นเฉียบกดลูกตาที่แสนจะปวดร้าวเบาๆทั้งสองข้าง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้น "เขียนเรื่องของเดลล์เหรอ ทั้งๆที่สายตาเธอแย่ลงมากขนาดนี้มันไม่ควรมานั่งจ้องจอคอมแบบนี้เลย แถมยังหยอดตาบ่อยมากเพราะมันปวดใช่มั้ย" ไซย์ฟังชายหนุ่มที่นั่งข้างๆพูดกับตน เขาพูดมากขึ้นนะช่วงนี้ ซึ่งก็ถือว่าดี "ก็ฉันอยากรีบบันทึกเรื่องราวของเดลล์ให้เป็นที่จดจำ ก่อนจะพักสายตายาวๆจากนี้" เขาพยักหน้าและมองหน้าเธอ เธอถามว่ามีอะไร เขายิ้มแล้วตอบว่า "เปล่า แค่แปลกใจที่มองหน้าเธอนานๆได้แล้วก็เท่านั้น" ไซย์ได้ยินแบบนั้นจึงหัวเราะตอบเสียงดัง

ก็คงเพราะเวลามันเดินหน้า อะไรๆมันก็ต้องเปลี่ยนจากเดิม

........................
ep* 2
.
.
...........................................................................................................
🍃🌸🍃🌸🍃🌸🍃
©salinsiree
If you have any questions, or would like to talk, contact me!
salinsiree.witchy@yahoo.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น