salinsiree quotes 🌿 chapter.10

ช่วงนี้ข้าได้ค้นพบหลายสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่รู้สึกถึงมันได้ จนกระทั่งใครบางคนเดินสวนทางมา หยุด และก้มลงหยิบสิ่งต่างๆเหล่านั้นขึ้นมาต่อหน้าข้า
-salinsiree
.
ข้าอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ ในบ้านหลังเล็กๆที่มีห้องหนังสือใหญ่กว่าทุกห้องในบ้าน รวมทั้งห้องครัวที่สวยกว่าทุกห้องในบ้าน
-salinsiree
.
เมื่อไม่นานข้าได้ค้นพบความทรมานที่ซาตานเป็นผู้ยื่นให้ และข้ายอมรับมัน พร้อมกับโอบกอดมันไว้
จนมั่นใจว่าความทรมานนี้จะไม่พรากจากไปไหน..
-salinsiree
.
ก็เพราะว่าข้าไม่มีที่ไปจึงได้มาอยู่ที่นี่ อย่าเคืองใจเพียงเพราะข้าเอ่ยว่าที่นี่ไม่ดีต่อกายข้า ข้าพูดเพราะข้าชอบพูดในสิ่งที่จริง แม้ว่าทุกอย่างจะกลายเป็นคำโกหกเมื่อมันเดินทางสู่หูทั้งสองของเจ้า
แต่ไม่ใช่ใจของเจ้าเลยที่ รับฟัง
-salinsiree
.
.
ครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นที่รู้จักด้วยความสามารถและถิ่นที่มาช่างแตกต่าง เจ้าโดดเด่นจนเมื่อวันที่ได้รับบาดเจ็บและถูกทำลายให้หายไปจากโลกนี้.. ข้าไม่เคยได้ยินและเห็นอะไรเกี่ยวกับเจ้าอีก
บ้างว่าเจ้าตายสลายกลายเป็นฝุ่น บ้างว่าเจ้าเจ็บป่วยจนไม่อาจแม้ใช้ชีวิตให้ปกติ
บ้างว่าเจ้าเสียสติที่ดีไป จนเวลาผ่าน ดูคล้ายนานแสนนาน...
วันนี้ ข้าได้เห็นเจ้าอีกครั้ง ยืนอยู่บนที่สูง และมองลงมา... ข้ามั่นใจว่าใช่เจ้า
-Hs'
.
ข้าชื่นชอบที่จะอ่าน หลงไหลที่จะเขียน และข้าได้ฝันถึงการอ่านที่สงบและการเขียนที่ราบเรียบ
ในบั้นปลายชีวิตของข้า ข้าฝันว่าจะได้เห็นหญิงชราที่สะท้อนกลับมาเมื่อยามข้ามองดูกระจก แม้แท้จริงอาจไม่ใช่ดั่งที่ฝัน แต่ข้าสามารถที่จะฝันเพราะตัวข้าเองได้อนุญาตแล้ว
-salinsiree
.
ไกล้ถึงวันที่ข้าต้องออกเดินทาง เพื่อเยี่ยมเยียนสหายเก่าแก่ที่แสนดี เขาเป็นเจ้าชายที่ไม่นิทราเพราะเขาไม่ได้หลับตลอดเวลา และมักจะหัวเราะเสมอเมื่อไกล้ถึงเวลาที่ข้าจะไปหา
และเล่าเรื่องราวมากมายให้ฟัง
-salinsiree
.
"ไม่มีใครแบกรับภาระของสองโลกสองเวลาในหนึ่งชีวิตได้ยาวนาน" ข้าได้ยินคำกล่าวนี้และมองดูเจ้าที่ไปมาระหว่างสองโลกสองเวลาด้วยร่างกายที่อ่อนแอและสติที่เจ็บป่วยตลอดเวลา คำถามในใจคือ เจ้าเคยคิดเกี่ยวกับเวลาของตนเองบ้างหรือไม่
-L
.
เชื่อเถอะว่า ในโลกใบนี้และโลกใบนั้น ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเป็น "ผู้ที่มีความคิดมากได้เท่ากับที่ข้านั้นคิดมาก" และ ไม่มีอีกแล้วเวลาที่เหลือ ข้าคิดว่าข้าใช้มันเกินแล้ว หากแต่นี่เป็นการ ยื้อ ระดับสุดยอดของคนอย่างข้าที่ไม่มีใครอีกแล้วทั้งในโลกใบนี้และโลกใบนั้นจะทำได้เท่ากับที่ข้าได้ทำ เชื่อเถอะ
-salinsiree
.
ว่าด้วยความจำเป็นที่ผู้อืนไม่เข้าใจ มันไม่สำคัญเท่ากับว่าความเข้าใจนี้เป็นเรื่องของใคร มันหาใช่ของผู้อื่นไม่ หากแต่เป็นเรื่องของเจ้า จึงไม่ผิดหากผู้อื่นไม่เข้าใจ จงแบกมันไว้ให้รู้ว่าเจ้ากำลังแบกรับอะไร เมื่อรู้-นั่นคือเจ้ารู้หน้าที่ของตน จงอยู่อย่างหนักแน่น และร้องไห้อย่าให้ใครได้ยิน
-s's
.
ข้าคลี่กระดาษ และใช้ปลายนิ้วรีดให้เรียบ ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ มันจะเป็นจดหมายตอบกลับผู้ที่ข้าเคารพว่า ข้าได้ทำแล้ว และทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ข้าได้เดินทางกลับมายังที่ของตนและพกพาความเจ็บป่วยที่มากขึ้นมาด้วย ข้าหวังว่าท่านจะอวยพรให้ข้าดีขึ้นในเร็ววัน
-salinsiree
.
เขาบอกว่าข้าชอบโวยวายและมักจะคุยไม่รู้เรื่อง และมันก็ใช่ที่ข้ามักจะโวยวายยามที่เขาทำให้ข้าร้องไห้ ยามที่เขาทำให้ข้าเสียใจ ยามที่เขาเข้าใจข้าในแบบที่ผิดแปลก ข้าจึงโวยวายทั้งน้ำตาเสมอ
ให้เหมือนกับเด็กที่งี่เง่า ให้เหมือนกับสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่าพี่น้อง เพราะความไม่แท้ทางสายเลือดที่ทำให้เราต้องทำสงครามเย็นกันบ่อยครั้งมากกว่าพูดคุยกันเหมือนพี่น้อง
-salinsiree
.
ข้าได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขา อดีตซาตานที่ข้าเคยมองเห็นหัวใจ ซานตานที่เคยครอบครองกายและจิตวิญญาณของข้า และยังเป็นซาตานที่ข้าได้เคยครอบครองเช่นกัน พร้อมทั้งควักหัวใจของเขาออกมาดูเล่นอยู่บ่อยครั้ง เขาถามเกี่ยวกับชีวิตที่บัดซบของข้าจากผู้อื่นเมื่อยามที่เขาท่องมาในโลกที่ไกล้กันกับโลกของข้า และเอ่ยว่า ข้านั้นไม่สมควรที่จะอยู่ ข้านั้นสมควรหายไป
สมควรที่จะตายตั้งแต่วันที่เดินออกมาจากชีวิตเขา
-salinsiree
.
ข้าพึ่งได้หนังสือมาเพิ่มในบ้านของข้าสองเล่ม the long valley และ detective tabito higurashi's finding things และข้ากำลังอ่าน thelongvalley
-salinsiree
.
เจ้าเป็นเด็กฝึกหัดที่ข้าไม่เคยมีความต้องการใช้คำว่าลูกศิษย์ เจ้าเป็นเด็กที่ล้าหลังผู้อื่นในทุกๆด้านที่นี่ แม้จะถูกส่งมาเป็นกรณีพิเศษว่าเจ้านั้นเจ็บป่วย หากแต่ต้องการมาฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะและความแข็งแรง พวกเขากล่าวว่าเจ้าเคยเก่งกาจและมีคำพูดเป็นเลิศมาก่อนหน้าที่จะเจ็บป่วย แต่ข้าได้เห็นว่าเจ้านั้นไม่ยอมพูดอีกทั้งเมื่อพูด ก็เป็นเพียงคำพูดที่น้อยนิดและประหม่าอย่างชัดเจน แต่เมื่อนานวันหลายสิ่งที่ได้เห็นจากเจ้า แต่ไม่อาจได้เห็นจากผู้อื่นจึงได้ปรากฎ และข้าเข้าใจ
แต่ก็ยังไม่ชอบหน้าเจ้าแม้วันที่เจ้าบอกลา และกลับไป
-hinata ss
.
และมาจนถึงวันนี้
ข้าเป็นเพียงคนเดียวในบรรดาสิ่งมีชีวิตในชั้นเรียนรุ่นนั้น ที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะดูร่อแร่
แต่ข้าก็ยังเป็นคนเดียวที่อยู่รอด (หัวเราะ)
-salinsiree
.
แต่บางที อาจเพราะอายุขัยข้าอาจมีมากกว่าพวกเขาเหล่านั้นอยู่หน่อยนึงก็ได้นะอาจารย์
-salinsiree
....
.........................................................................................................

salinsiree quotes .1
salinsiree quotes .2
salinsiree quotes .3
salinsiree quotes .4
salinsiree quotes .5
salinsiree quotes .6

salinsiree quotes .7
salinsiree quotes .8
salinsiree quotes .9
 ...............................................................................................................................
🍃🌸🍃🌸🍃🌸🍃
©salinsiree
If you have any questions, or would like to talk, contact me!

salinsiree.witchy@yahoo.com

เป็นเพียง "จดหมายที่ถูกส่งกลับมา"

ณ ที่ที่ห่างไกล ข้าได้ห่างหายออกไป คล้ายว่าตั้งใจให้เป็นไป แต่แท้จริงเพราะถูกบางสิ่งนำพา
ข้าเรียกมันว่า ภาระ แม้คำที่ถูกคือคำว่า ภารกิจ ที่ไม่ใช่ภารกิจ หากแต่เป็นปัญหาจากจุดๆหนึ่งและลุกลามจนกลายมาเป็น ภารกิจจำเป็น และเพราะว่ามันนำพาความทุกข์ใจมาให้ข้า ให้ข้าเศร้า หม่นหมองและอ่อนแอ ข้าจึงย่อชื่อคำมันด้วยความตั้งใจ

ภาระนี้ ทำข้าต้องห่างหายไปจากหลายๆสิ่งที่คุ้นเคยและเคยชิน ทั้งจากสิ่งที่ต้องกระทำและคิดว่าตั้งใจต้องทำ ข้าปราศจากการพักผ่อนและปราศจากอาหารที่รัก ปราศจากที่นอนที่คุ้นเคยและอื่นๆที่ถูกดึงออกห่าง ทั้งการรักษาร่างกายให้แข็งแรงและการอ่านหนังสือ จนข้าไม่อาจคว้าอะไรสักอย่างแม้สิ่งนั้นจะไกล้ตัวที่สุด และนั่นทำให้ข้าต้องออกห่างจากการเขียนและจดบันทึก มันเป็นสิ่งเล็กๆที่ข้าได้ทำเป็นประจำอยู่เสมอ และหลายคนรู้ เพราะบ้างก็ได้อ่านสิ่งที่ข้าเขียน แต่หลายคนไม่รู้ เพราะไม่เคยอ่านสิ่งที่ข้าได้เขียนเช่นกัน แต่ไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่า ข้ามีน้ำใจมากพอหรือไม่ที่จะบอกกล่าวเมื่อมีโอกาส ว่าข้านั้น

ยังอยู่ และกลับมาแล้ว...?
จริงเหรอ?
...
ยัง..ยังหรอก ข้ายังไม่ได้กลับมา
แต่นี่เป็น "จดหมายที่ถูกส่งกลับมา" ให้พวกเจ้าได้อ่านกัน

ไม่มีใครคิดถึงข้าหรอก แต่อาจมีบ้างที่คิดถึงตัวอักษรและประโยคที่ข้าสร้างขึ้นมา คิดถึงบทความที่ไม่แน่นอน คิดถึงเรื่องราวที่ไม่รู้ความหมาย คิดถึงอะไรก็ตามแล้วแต่พวกเจ้าสบายใจและรู้สึกดี เพราะมันทำให้ใจข้ายินดีด้วยเช่นกัน ข้าได้เขียนจดหมายฉบับนี้ในที่ที่ห่างไกล มันห่างไกลสำหรับข้าแต่อาจไกล้สำหรับพวกเจ้าบางคน เจ้าบางคนอาจพักอยู่ไกล้กันกับข้าในตอนนี้ แค่หารู้ตัว..

วันที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ของเดือน 7 ปีค.ศ.2017
ข้าเริ่มเขียนจดหมายฉบับนี้ ณ บ้านพักของญาติ
..
สบายดีไหม?
ไม่หรอก ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าข้ายังอยู่เพียงแค่ดูไม่ค่อยดีนัก

เมื่อช่วงต้นเดือน 6 ข้าได้เดินทางมาพักที่นี่ เป็นบ้านพักของญาติข้าเอง พวกเขาอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวเล็กๆมี พ่อ แม่ และลูกชาย แม่ของบ้านหลังนี้เป็นน้องสาวของแม่ข้าเอง หรือพูดง่ายๆว่าเป็นน้าสาวของข้าอีกคนหนึ่ง เราเรียกที่นี่ว่าต่างจังหวัด แต่เป็นต่างจัดหวัดที่ก้าวหน้าแล้วเพราะสำหรับข้านั้นคิดว่าที่นี่ค่อนข้างไปข้างหน้ามากขึ้นถ้าเทียบกับตอนที่ข้ายังเป็นเด็กและเคยอาศัยอยู่ที่นี่แต่ไม่ใช่บ้านหลังนี้ เพียงแต่ที่ที่ข้าพักอาศัยจะอยู่ลึกเข้ามาในธรรมชาติเล็กน้อย อาจจะลำบากเรื่องการจับจ่ายซื้อของ เพราะร้านสะดวกซื้อของที่นี่อยู่บนถนนเส้นใหญ่เท่านั้น แต่บ้านพักของข้าอยู่ถนนเส้นในติดกับภูเขาเลยก็ว่าได้นะ ในช่วงแรกข้าได้พักอยู่ที่นี่เป็นเวลา 19 วันของบทแรก หลังจากนั้นข้าได้เดินทางกลับไปยังที่พักของตนเอง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเพียงเวลา 15 วัน ข้าก็จำเป็นต้องเดินทางมาพักอาศัยอยู่ที่นี่อีกครั้ง เป็นบทที่ 2 ของเรื่องราวนี้ ณ ตอนนี้เป็นเวลาสัปดาห์กว่าในรอบที่สองของการพักอาศัยอยู่ที่นี่ l

ในบทแรก : มีความลำบากใจในการเดินทาง ด้วยความทุกข์และความไม่พร้อมทั้งทางกายและจิตใจ กระเป๋าของข้าหนักมากและข้าไม่สามารถ แต่จากนั้นข้าก็ดั้นด้นจนสามารถในที่สุด และเมื่อเดินทางถึงที่หมายข้าได้ติดต่อทางบ้านและจากนั้นก็รอคนมารับ เมื่อคุณพ่อของบ้านนี้มารับข้าจึงได้นั่งรถเข้าบ้านพักโดยใช้เวลาประมาณ...สักพัก คุณพ่อของบ้านนี้หยุดรถที่ร้านค้าของครอบครัวก่อน เพื่อรับคุณแม่ของบ้านนี้หรือน้าสาวของข้านั่นเอง.. ใช่แล้วบ้านนี้มีร้านขายอาหาร เป็นร้านเล็กๆที่มีต้นไม้..คิดว่ามีนะ จากนั้นก็เดินทางต่อสู่บ้านพักที่ที่ข้าต้องพักอาศัยอยู่ในบทแรกนี้เป็นเวลา 19 วัน. และมันเป็นเวลาสิบเก้าวันที่มีเรื่องราวมากมาย ทั้งความยากลำบากในการใช้ชีวิต ด้วยความที่ข้านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แพ้ง่ายในเรื่องสภาพอากาศและอาหาร ฝุ่นและอื่นๆ ข้าไม่อาจโทษที่นี่ได้เพราะหากข้านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกติดีข้าคงสนุกบ้าบิ่นในทุกๆวันแน่นอน แต่ในเมื่อมันกลับกันข้าจึงเจ็บป่วยกว่าเดิมและผอมแห้งลงทันทีในช่วงแรกที่ปรับตัวไม่ได้ ข้าเดียวดายและทรมานมากๆ ช่วงสองสามคืนแรกของการพักที่นี่ข้าไม่สามารถหลับได้เลยเพราะความเจ็บป่วยที่กระดูกสันหลังของข้า เนื่องจากที่นอนนั้นไม่ได้เหมาะกับเนื้อหนังและกระดูกของข้าและเพราะข้าเป็นคนไม่บอกกล่าวไม่กล้าร้องขอด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างที่มี ข้าจึงต้องขออาศัยที่นอนของลูกพี่ลูกน้องของข้า หรือลูกชายของบ้านนี้ เมื่อเขาตื่นเช้ามาเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ข้าจึงขอนอนบนเตียงของเขาที่อยู่บนบ้าน ข้าไม่อาจรู้หรอกว่าเขาจะพอใจหรือไม่ แต่เขาก็ตกลงเสมอ และในที่สุด ต่อมาเขาก็ยกเตียงนั้นให้ข้าและตัวเขาเองย้ายเข้าไปในห้องเก่าแก่ที่ตอนนี้เป็นห้องเก็บของ เขาจัดการใช้เตียงเก่าที่เคยนอนสมัยยังเรียนอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นเวลาสักพักที่เขาจัดการ ทุกอย่างก็ผ่านไปและข้ายังได้โต๊ะเขียนหนังสือแถมมาด้วย โดยเขาให้เหตุผลว่าจะได้เขียนอะไรได้ และหลังจากนั้นข้าก็ได้นอนหลับและพักหลังสักที แม้ต่อจากนี้ข้าและเขาจะมีปัญหากันมากพอสมควรแต่ก็มีบ้างที่ได้พักและคุยเล่นตามประสาพี่น้องก่อนจะทำสงครามเย็นกันต่อ มันเป็นเรื่องปกติเพราะเขาไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างและพยายามอยากเข้าใจในแบบของเขา ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่ข้าเป็นเสมอ แต่เขาไม่รู้มากนักเพราะข้าไม่ได้แสดงตัวตนให้เห็นนอกจากความอ่อนแอและหงุดหงิดโวยวายใส่ เขาไม่ชอบคนโวยวายและข้าจึงชอบนักที่จะทำให้เขาเห็นแบบนั้น ข้าต้องนอนเจ็บป่วยเดียวดายลำพังบ่อยครั้งและอดทนต่อหลายสิ่ง แต่เมื่อถึงเวลาข้าต้องเป็นเด็กที่พูดคุยเรื่องราวและเข้าใจในสิ่งที่เป็น อยู่และทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทำให้พวกเขาเห็นว่าข้านั้นปกติ ต่อมาข้าได้ให้กำลังใจตนเองว่าทุกอย่างที่นี่เป็นการฝึกฝนตนและต้องทำให้ได้เพราะข้ามักมุ่งมั่นหากเป็นการฝึกฝนที่ต้องผ่านไปให้ได้ ข้ามีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งและข้าเขียนเรื่องราวในแต่ละวันของที่นี่อยู่เสมอ ตลอดเวลา. ในบทแรกของการพักที่นี่ ข้าได้รับมอบหมายงานบ้านด้วยความเต็มใจเพราะตนเดิมของข้ารักงานบ้านเหมือนผู้เป็นมารดาของข้า แม้บางครั้งข้าก็ไม่อยากรับมาในบางเรื่องของงานเพราะความเจ็บป่วยค้านไว้ แต่ข้าก็อยากทำเพราะแลเห็นว่าไม่มีใครทำได้ดีเท่าตัวข้าเองแล้วในบางงาน แต่ที่แน่นอนข้าต้องล้างจานชามในทุกวันและกวาดบ้านทั้งหลังเมื่อเวลาสี่โมงและเข็มยาวของนาฬิกาชี้เลขแปดนั่นเอง ข้าต้องพาสุนัขสองตัวไปว่ายน้ำเล่นในทุกเย็น ช่วงแรกเป็นการเดินไปพร้อมสุนัข ช่วงหลังข้าได้จักรยานมาเป็นยานพาหนะในการขับเคลื่อนพาสุนัขไปว่ายน้ำ เป็นแบบนี้จนวันสุดท้ายที่จักรยานยางแบน และเมื่อถึงเวลาเดินทางกลับลูกพี่ลูกน้องของข้าก็เป็นคนขับรถมาส่งข้าและข้าได้เดินทางต่อด้วยตนเองจนถึงที่ที่ข้าเรียกว่าบ้าน

ในบทที่สอง : ของการกลับมาพักที่นี่อีกครั้ง ครั้งนี้ทุกข์ทรมานกว่าครั้งแรกมากมายนัก แต่ข้าก็ไม่อาจบอกพวกเขาว่าข้าได้เจ็บป่วยมากเพียงไหน น้าสาวของข้าได้เดินทางมากับข้าด้วยเนื่องจากว่าข้านั้นเดินไม่ค่อยไหว "ว่าด้วยความจำเป็นที่ผู้อื่นไม่เข้าใจ มันไม่สำคัญเท่ากับว่าความเข้าใจนี้เป็นเรื่องของใคร มันหาใช่ของผู้อื่นไม่ หากแต่เป็นเรื่องของเจ้า จึงไม่ผิดหากผู้อื่นไม่เข้าใจ จงแบกมันไว้ให้รู้ว่าเจ้ากำลังแบกรับอะไร เมื่อรู้-นั่นคือเจ้ารู้หน้าที่ของตน จงอยู่อย่างหนักแน่น และร้องไห้อย่าให้ใครได้ยิน" ข้าระลึกถึงคำเหล่านี้จากคนหนึ่งคนที่เอ่ยกับข้า ข้าเรียกเขาว่าอาจารย์ เขาติดต่อข้าผ่านสหายคนหนึ่งที่ได้มาเยี่ยมข้าในคืนก่อนเดินทาง และเมื่อเวลาเดินทางมาถึงในตอนเช้า ข้าก็ได้รับความรู้สึกที่เลวร้ายต่อจิตใจ ข้ารู้สึกแย่และร้องไห้ไม่หยุดจนอาการผื่นแดงตามผิวหนังเริ่มออกอาการ มันมักจะมีบางอย่างคล้ายผื่นสีแดงแต่อยู่ใต้ผิวหนังของข้าเวลาที่ข้านั้นร้องไห้อย่างหนักและมีอาการบีบเค้นที่หัวใจ ข้าคงไม่เล่าว่าเพราะสิ่งใด แต่จะเล่าเพียงข้าได้มีอาการเหล่านี้หลังจากการติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องของข้า ดังนั้นนี่เป็นจุดเริ่มต้น... ของบทที่สองในการเดินทางมาพักที่นี่ ข้าออกเดินทางในเวลาช่วงเย็นเพราะมีความจำเป็น เมื่อถึงที่หมายพร้อมกับร่างกายที่ร้าวรานจากเดินทาง ข้าก็ได้นอนรอคนมารับด้วยการหนุนตักของน้าสาวผู้ที่เดินทางมาส่งข้า เนื่องจากข้าไม่สามารถและไม่อาจดั้นด้นจนสามารถได้อีกแล้วในการขนสัมภาระด้วยตนเอง และเมื่อผู้มารับเดินทางมาถึง ข้าจึงลุกขึ้นและมองออกไป ข้ารับรู้ล่วงหน้าแล้วว่าใครจะมากับเขาด้วยจึงได้บอกเล่ากับน้าสาวล่วงหน้าแล้วว่า อาจจะ มีผู้อื่นมาด้วย ดังนั้นข้ากับน้าสาวจึงไม่แปลกใจอะไรและกล่าวทักทายปกติ ยกเว้นข้าที่ไม่ได้ทักทายหรือมองหน้าเขาผู้มารับ เพราะข้าได้ตั้งใจเอาไว้แล้ว..ข้าเจ็บปวดหัวใจต่อคำพูดและความคิดของเขาที่มีต่อข้า และเราก็ได้ออกเดินทางจากที่ที่รอสู่ที่ที่จะต้องพักผ่อนในคืนนั้น ระหว่างทางไม่มีการพูดคุยที่เหมาะสมนัก นอกจากตามมารยาทที่สื่อสารกัน และน้าสาวของข้าที่เป็นคนพูดคุยเพื่อไม่ให้ทุกอย่างดูเงียบเกินไป และนั่นก็เป็นอีกตอนของจุดเริ่มต้นของบทที่สองของการเดินทางมาพัก ณ ที่แห่งนี้... มันเริ่มด้วยความเงียบ และมันก็เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งตอนนี้ แม้ว่าครั้งนี้ข้าจะไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่การงานอะไรเหมือนที่เคยทำในบทแรกเพราะสุขภาพที่เจ็บป่วยและแย่ลงอย่างชัดเจนรวมถึงคำจากปากน้าสาวที่บอกล่าวพวกเขาให้เข้าใจก่อนเดินทางกลับ เนื่องจากลำพังข้าเองมักจะไม่พูดสิ่งใดออกมาตรงๆเลยทำให้ตัวข้ามักไม่ได้มาหรือไม่ได้มีความเข้าใจจากรอบตัวมาสู่ตนเองบ่อยนักเพราะปากข้าเองที่ไม่ค่อยชอบเอื้อนเอ่ย แต่ข้าก็ยังคงหยิบจับนั่นนี่เป็นระยะแม้จะไม่ทุกอย่าง และช่วงหลังก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเรื่องของตนที่พกพามาทำด้วย และในส่วนของลูกพี่ลูกน้องของข้า เราต่างก็ยังไม่ได้พูดกันและไม่ได้เจอหน้ากันด้วยความที่ข้าพักผ่อนไวและปิดไฟเข้านอนเร็วก่อนที่เขาจะกลับมาถึงบ้านเสมอและเพราะข้าเองก็ยังคงโกรธเคืองเขามากจริงๆ และมันก็เป็นการดีสำหรับเขา ข้าคิดว่าเขาไม่ชอบใจในการมาครั้งนี้ของข้านัก ไม่ชอบจริงๆและขัดใจเขาในบางเรื่อง แต่ข้าก็พยายามทำตัวเองให้เงียบและไม่รบกวนเขา ความเจ็บป่วยที่มีข้าก็สามารถเป็นลำพังได้โดยไม่ร้องขอแม้บางครั้งก็อยากได้ความช่วยเหลือ หากแต่เขาได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากสำหรับความรู้สึกที่ข้าได้รับ ข้าจึงคิดว่าควรปล่อยให้เขาอยู่เหมือนไม่มีข้าอยู่จะดีที่สุด เพราะเขาก็คือเจ้าบ้านและข้าคือผู้มาพักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ความเงียบทำให้ข้าเหงาและเดียวดายมากๆ ข้าไม่สามารถเล่นสนุกกับสัตว์เลี้ยงของบ้านนี้ได้อย่างเต็มที่ด้วยความอ่อนแอที่มีทำให้ไม่สามารถเล่นกับพวกมันที่ชอบเล่นด้วยการกระโดดและกระโจนใส่ข้าทุกครั้งที่เห็น.. ข้าจึงอยู่และเจ็บป่วยและอยู่กับแสดงตนให้ผ่านในแต่ละบทที่เข้ามาให้ข้าได้เล่นเป็นตอนๆ จนครบอาทิตย์น้าสาวข้าได้เลือกที่จะเดินทางมาเยี่ยมข้าเพราะความห่วงใยและพกพาขนมขนมมาด้วยมากมาย เนื่องจากว่าข้านั้นขาดแคลนขนมหลังจากที่ทำสงครามเย็นกับลูกพี่ลูกน้องของข้านั่นเอง แต่วันต่อมาน้าสาวของข้าก็ต้องเดินทางกลับไปและข้าก็ได้แต่เฝ้ามองออกไปและนึกถึงวันที่จะได้กลับไปและได้รักษาสุขภาพของตนเองต่อจนหายสักที ข้ายังคงหิวแต่บางครั้งก็ทานไม่ได้มากนักเพราะข้าได้รับอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งนานๆไม่ได้แต่แน่นอนว่าข้าไม่ได้เอ่ย มันจึงทำให้ข้าแย่ลง แต่ช่วงหลังพวกเขาเริ่มเข้าใจและเปลี่ยนเมนูอาหารให้ข้าบ้าง แต่ไม่กี่วันข้าก็จะได้กลับแล้วจนถึงตอนนี้ข้าก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ไม่กี่วันจากนี้ข้าจะได้กลับไปทำสิ่งที่ค้างคาให้เรียบร้อยแล้วได้พักรักษาตัวให้ต่อเนื่องสักที ข้าจึงเขียนเพื่อบอกเล่า ให้มันเป็นจดหมายที่ถูกส่งกลับมาจากข้า และหวังว่าพวกเจ้าจะส่งกำลังใจมาให้ข้าได้มีกำลังในการเดินทางบนวิถีของข้า ความลับ ความสัตย์ ความเป็นตัวข้า ภาวนาขอให้ข้ารักษามันให้เป็นหนึ่งจนสำเร็จในทุกสิ่งที่ต้องทำด้วยนะ สหายทั้งผู้รักการอ่านและเคารพตัวอักษรทั้งหลาย

 ...........................
และเมื่อวันที่ข้าเดินทางกลับได้มาถึง ข้าเองก็คงต้องบอกว่า อาจยังไม่พร้อมแม้ตัวจะถึงบ้านแล้ว เพราะข้ายังต้องทำหลายสิ่งและพักรักษาตัวต่อจากที่หยุดเอาไว้ และเมื่อข้าพร้อมไม่ว่าจะหายดีมากน้อยแค่ไหนหรือยังคงไม่หายดีก็ตาม แต่ถ้าหากข้าพร้อม ข้าสัญญาว่าจะกลับมา และขีดๆเขียนๆหลายสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในหัวให้เป็นเรื่องราวสำหรับบันทึกไว้ในห้องสมุดของข้าที่นี่ แน่นอน

ด้วยอักษรที่รัก
-SaLinsiree
...............................................................................
©salinsiree
...

If you have any questions, or would like to talk, contact me!
salinsiree.witchy@yahoo.com