ณ ที่ที่ห่างไกล ข้าได้ห่างหายออกไป คล้ายว่าตั้งใจให้เป็นไป แต่แท้จริงเพราะถูกบางสิ่งนำพา
ข้าเรียกมันว่า ภาระ แม้คำที่ถูกคือคำว่า ภารกิจ ที่ไม่ใช่ภารกิจ หากแต่เป็นปัญหาจากจุดๆหนึ่งและลุกลามจนกลายมาเป็น ภารกิจจำเป็น และเพราะว่ามันนำพาความทุกข์ใจมาให้ข้า ให้ข้าเศร้า หม่นหมองและอ่อนแอ ข้าจึงย่อชื่อคำมันด้วยความตั้งใจ
ยังอยู่ และกลับมาแล้ว...?
จริงเหรอ?
...
ยัง..ยังหรอก ข้ายังไม่ได้กลับมา
แต่นี่เป็น "จดหมายที่ถูกส่งกลับมา" ให้พวกเจ้าได้อ่านกัน
ไม่มีใครคิดถึงข้าหรอก แต่อาจมีบ้างที่คิดถึงตัวอักษรและประโยคที่ข้าสร้างขึ้นมา คิดถึงบทความที่ไม่แน่นอน คิดถึงเรื่องราวที่ไม่รู้ความหมาย คิดถึงอะไรก็ตามแล้วแต่พวกเจ้าสบายใจและรู้สึกดี เพราะมันทำให้ใจข้ายินดีด้วยเช่นกัน ข้าได้เขียนจดหมายฉบับนี้ในที่ที่ห่างไกล มันห่างไกลสำหรับข้าแต่อาจไกล้สำหรับพวกเจ้าบางคน เจ้าบางคนอาจพักอยู่ไกล้กันกับข้าในตอนนี้ แค่หารู้ตัว..
วันที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ของเดือน 7 ปีค.ศ.2017
ข้าเริ่มเขียนจดหมายฉบับนี้ ณ บ้านพักของญาติ
..
สบายดีไหม?
ไม่หรอก ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าข้ายังอยู่เพียงแค่ดูไม่ค่อยดีนัก
เมื่อช่วงต้นเดือน 6 ข้าได้เดินทางมาพักที่นี่ เป็นบ้านพักของญาติข้าเอง พวกเขาอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวเล็กๆมี พ่อ แม่ และลูกชาย แม่ของบ้านหลังนี้เป็นน้องสาวของแม่ข้าเอง หรือพูดง่ายๆว่าเป็นน้าสาวของข้าอีกคนหนึ่ง เราเรียกที่นี่ว่าต่างจังหวัด แต่เป็นต่างจัดหวัดที่ก้าวหน้าแล้วเพราะสำหรับข้านั้นคิดว่าที่นี่ค่อนข้างไปข้างหน้ามากขึ้นถ้าเทียบกับตอนที่ข้ายังเป็นเด็กและเคยอาศัยอยู่ที่นี่แต่ไม่ใช่บ้านหลังนี้ เพียงแต่ที่ที่ข้าพักอาศัยจะอยู่ลึกเข้ามาในธรรมชาติเล็กน้อย อาจจะลำบากเรื่องการจับจ่ายซื้อของ เพราะร้านสะดวกซื้อของที่นี่อยู่บนถนนเส้นใหญ่เท่านั้น แต่บ้านพักของข้าอยู่ถนนเส้นในติดกับภูเขาเลยก็ว่าได้นะ ในช่วงแรกข้าได้พักอยู่ที่นี่เป็นเวลา 19 วันของบทแรก หลังจากนั้นข้าได้เดินทางกลับไปยังที่พักของตนเอง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเพียงเวลา 15 วัน ข้าก็จำเป็นต้องเดินทางมาพักอาศัยอยู่ที่นี่อีกครั้ง เป็นบทที่ 2 ของเรื่องราวนี้ ณ ตอนนี้เป็นเวลาสัปดาห์กว่าในรอบที่สองของการพักอาศัยอยู่ที่นี่ l
ในบทแรก : มีความลำบากใจในการเดินทาง ด้วยความทุกข์และความไม่พร้อมทั้งทางกายและจิตใจ กระเป๋าของข้าหนักมากและข้าไม่สามารถ แต่จากนั้นข้าก็ดั้นด้นจนสามารถในที่สุด และเมื่อเดินทางถึงที่หมายข้าได้ติดต่อทางบ้านและจากนั้นก็รอคนมารับ เมื่อคุณพ่อของบ้านนี้มารับข้าจึงได้นั่งรถเข้าบ้านพักโดยใช้เวลาประมาณ...สักพัก คุณพ่อของบ้านนี้หยุดรถที่ร้านค้าของครอบครัวก่อน เพื่อรับคุณแม่ของบ้านนี้หรือน้าสาวของข้านั่นเอง.. ใช่แล้วบ้านนี้มีร้านขายอาหาร เป็นร้านเล็กๆที่มีต้นไม้..คิดว่ามีนะ จากนั้นก็เดินทางต่อสู่บ้านพักที่ที่ข้าต้องพักอาศัยอยู่ในบทแรกนี้เป็นเวลา 19 วัน. และมันเป็นเวลาสิบเก้าวันที่มีเรื่องราวมากมาย ทั้งความยากลำบากในการใช้ชีวิต ด้วยความที่ข้านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แพ้ง่ายในเรื่องสภาพอากาศและอาหาร ฝุ่นและอื่นๆ ข้าไม่อาจโทษที่นี่ได้เพราะหากข้านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกติดีข้าคงสนุกบ้าบิ่นในทุกๆวันแน่นอน แต่ในเมื่อมันกลับกันข้าจึงเจ็บป่วยกว่าเดิมและผอมแห้งลงทันทีในช่วงแรกที่ปรับตัวไม่ได้ ข้าเดียวดายและทรมานมากๆ ช่วงสองสามคืนแรกของการพักที่นี่ข้าไม่สามารถหลับได้เลยเพราะความเจ็บป่วยที่กระดูกสันหลังของข้า เนื่องจากที่นอนนั้นไม่ได้เหมาะกับเนื้อหนังและกระดูกของข้าและเพราะข้าเป็นคนไม่บอกกล่าวไม่กล้าร้องขอด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างที่มี ข้าจึงต้องขออาศัยที่นอนของลูกพี่ลูกน้องของข้า หรือลูกชายของบ้านนี้ เมื่อเขาตื่นเช้ามาเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ข้าจึงขอนอนบนเตียงของเขาที่อยู่บนบ้าน ข้าไม่อาจรู้หรอกว่าเขาจะพอใจหรือไม่ แต่เขาก็ตกลงเสมอ และในที่สุด ต่อมาเขาก็ยกเตียงนั้นให้ข้าและตัวเขาเองย้ายเข้าไปในห้องเก่าแก่ที่ตอนนี้เป็นห้องเก็บของ เขาจัดการใช้เตียงเก่าที่เคยนอนสมัยยังเรียนอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นเวลาสักพักที่เขาจัดการ ทุกอย่างก็ผ่านไปและข้ายังได้โต๊ะเขียนหนังสือแถมมาด้วย โดยเขาให้เหตุผลว่าจะได้เขียนอะไรได้ และหลังจากนั้นข้าก็ได้นอนหลับและพักหลังสักที แม้ต่อจากนี้ข้าและเขาจะมีปัญหากันมากพอสมควรแต่ก็มีบ้างที่ได้พักและคุยเล่นตามประสาพี่น้องก่อนจะทำสงครามเย็นกันต่อ มันเป็นเรื่องปกติเพราะเขาไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างและพยายามอยากเข้าใจในแบบของเขา ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่ข้าเป็นเสมอ แต่เขาไม่รู้มากนักเพราะข้าไม่ได้แสดงตัวตนให้เห็นนอกจากความอ่อนแอและหงุดหงิดโวยวายใส่ เขาไม่ชอบคนโวยวายและข้าจึงชอบนักที่จะทำให้เขาเห็นแบบนั้น ข้าต้องนอนเจ็บป่วยเดียวดายลำพังบ่อยครั้งและอดทนต่อหลายสิ่ง แต่เมื่อถึงเวลาข้าต้องเป็นเด็กที่พูดคุยเรื่องราวและเข้าใจในสิ่งที่เป็น อยู่และทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทำให้พวกเขาเห็นว่าข้านั้นปกติ ต่อมาข้าได้ให้กำลังใจตนเองว่าทุกอย่างที่นี่เป็นการฝึกฝนตนและต้องทำให้ได้เพราะข้ามักมุ่งมั่นหากเป็นการฝึกฝนที่ต้องผ่านไปให้ได้ ข้ามีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งและข้าเขียนเรื่องราวในแต่ละวันของที่นี่อยู่เสมอ ตลอดเวลา. ในบทแรกของการพักที่นี่ ข้าได้รับมอบหมายงานบ้านด้วยความเต็มใจเพราะตนเดิมของข้ารักงานบ้านเหมือนผู้เป็นมารดาของข้า แม้บางครั้งข้าก็ไม่อยากรับมาในบางเรื่องของงานเพราะความเจ็บป่วยค้านไว้ แต่ข้าก็อยากทำเพราะแลเห็นว่าไม่มีใครทำได้ดีเท่าตัวข้าเองแล้วในบางงาน แต่ที่แน่นอนข้าต้องล้างจานชามในทุกวันและกวาดบ้านทั้งหลังเมื่อเวลาสี่โมงและเข็มยาวของนาฬิกาชี้เลขแปดนั่นเอง ข้าต้องพาสุนัขสองตัวไปว่ายน้ำเล่นในทุกเย็น ช่วงแรกเป็นการเดินไปพร้อมสุนัข ช่วงหลังข้าได้จักรยานมาเป็นยานพาหนะในการขับเคลื่อนพาสุนัขไปว่ายน้ำ เป็นแบบนี้จนวันสุดท้ายที่จักรยานยางแบน และเมื่อถึงเวลาเดินทางกลับลูกพี่ลูกน้องของข้าก็เป็นคนขับรถมาส่งข้าและข้าได้เดินทางต่อด้วยตนเองจนถึงที่ที่ข้าเรียกว่าบ้าน
ในบทที่สอง : ของการกลับมาพักที่นี่อีกครั้ง ครั้งนี้ทุกข์ทรมานกว่าครั้งแรกมากมายนัก แต่ข้าก็ไม่อาจบอกพวกเขาว่าข้าได้เจ็บป่วยมากเพียงไหน น้าสาวของข้าได้เดินทางมากับข้าด้วยเนื่องจากว่าข้านั้นเดินไม่ค่อยไหว "ว่าด้วยความจำเป็นที่ผู้อื่นไม่เข้าใจ มันไม่สำคัญเท่ากับว่าความเข้าใจนี้เป็นเรื่องของใคร มันหาใช่ของผู้อื่นไม่ หากแต่เป็นเรื่องของเจ้า จึงไม่ผิดหากผู้อื่นไม่เข้าใจ จงแบกมันไว้ให้รู้ว่าเจ้ากำลังแบกรับอะไร เมื่อรู้-นั่นคือเจ้ารู้หน้าที่ของตน จงอยู่อย่างหนักแน่น และร้องไห้อย่าให้ใครได้ยิน" ข้าระลึกถึงคำเหล่านี้จากคนหนึ่งคนที่เอ่ยกับข้า ข้าเรียกเขาว่าอาจารย์ เขาติดต่อข้าผ่านสหายคนหนึ่งที่ได้มาเยี่ยมข้าในคืนก่อนเดินทาง และเมื่อเวลาเดินทางมาถึงในตอนเช้า ข้าก็ได้รับความรู้สึกที่เลวร้ายต่อจิตใจ ข้ารู้สึกแย่และร้องไห้ไม่หยุดจนอาการผื่นแดงตามผิวหนังเริ่มออกอาการ มันมักจะมีบางอย่างคล้ายผื่นสีแดงแต่อยู่ใต้ผิวหนังของข้าเวลาที่ข้านั้นร้องไห้อย่างหนักและมีอาการบีบเค้นที่หัวใจ ข้าคงไม่เล่าว่าเพราะสิ่งใด แต่จะเล่าเพียงข้าได้มีอาการเหล่านี้หลังจากการติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องของข้า ดังนั้นนี่เป็นจุดเริ่มต้น... ของบทที่สองในการเดินทางมาพักที่นี่ ข้าออกเดินทางในเวลาช่วงเย็นเพราะมีความจำเป็น เมื่อถึงที่หมายพร้อมกับร่างกายที่ร้าวรานจากเดินทาง ข้าก็ได้นอนรอคนมารับด้วยการหนุนตักของน้าสาวผู้ที่เดินทางมาส่งข้า เนื่องจากข้าไม่สามารถและไม่อาจดั้นด้นจนสามารถได้อีกแล้วในการขนสัมภาระด้วยตนเอง และเมื่อผู้มารับเดินทางมาถึง ข้าจึงลุกขึ้นและมองออกไป ข้ารับรู้ล่วงหน้าแล้วว่าใครจะมากับเขาด้วยจึงได้บอกเล่ากับน้าสาวล่วงหน้าแล้วว่า อาจจะ มีผู้อื่นมาด้วย ดังนั้นข้ากับน้าสาวจึงไม่แปลกใจอะไรและกล่าวทักทายปกติ ยกเว้นข้าที่ไม่ได้ทักทายหรือมองหน้าเขาผู้มารับ เพราะข้าได้ตั้งใจเอาไว้แล้ว..ข้าเจ็บปวดหัวใจต่อคำพูดและความคิดของเขาที่มีต่อข้า และเราก็ได้ออกเดินทางจากที่ที่รอสู่ที่ที่จะต้องพักผ่อนในคืนนั้น ระหว่างทางไม่มีการพูดคุยที่เหมาะสมนัก นอกจากตามมารยาทที่สื่อสารกัน และน้าสาวของข้าที่เป็นคนพูดคุยเพื่อไม่ให้ทุกอย่างดูเงียบเกินไป และนั่นก็เป็นอีกตอนของจุดเริ่มต้นของบทที่สองของการเดินทางมาพัก ณ ที่แห่งนี้... มันเริ่มด้วยความเงียบ และมันก็เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งตอนนี้ แม้ว่าครั้งนี้ข้าจะไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่การงานอะไรเหมือนที่เคยทำในบทแรกเพราะสุขภาพที่เจ็บป่วยและแย่ลงอย่างชัดเจนรวมถึงคำจากปากน้าสาวที่บอกล่าวพวกเขาให้เข้าใจก่อนเดินทางกลับ เนื่องจากลำพังข้าเองมักจะไม่พูดสิ่งใดออกมาตรงๆเลยทำให้ตัวข้ามักไม่ได้มาหรือไม่ได้มีความเข้าใจจากรอบตัวมาสู่ตนเองบ่อยนักเพราะปากข้าเองที่ไม่ค่อยชอบเอื้อนเอ่ย แต่ข้าก็ยังคงหยิบจับนั่นนี่เป็นระยะแม้จะไม่ทุกอย่าง และช่วงหลังก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเรื่องของตนที่พกพามาทำด้วย และในส่วนของลูกพี่ลูกน้องของข้า เราต่างก็ยังไม่ได้พูดกันและไม่ได้เจอหน้ากันด้วยความที่ข้าพักผ่อนไวและปิดไฟเข้านอนเร็วก่อนที่เขาจะกลับมาถึงบ้านเสมอและเพราะข้าเองก็ยังคงโกรธเคืองเขามากจริงๆ และมันก็เป็นการดีสำหรับเขา ข้าคิดว่าเขาไม่ชอบใจในการมาครั้งนี้ของข้านัก ไม่ชอบจริงๆและขัดใจเขาในบางเรื่อง แต่ข้าก็พยายามทำตัวเองให้เงียบและไม่รบกวนเขา ความเจ็บป่วยที่มีข้าก็สามารถเป็นลำพังได้โดยไม่ร้องขอแม้บางครั้งก็อยากได้ความช่วยเหลือ หากแต่เขาได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากสำหรับความรู้สึกที่ข้าได้รับ ข้าจึงคิดว่าควรปล่อยให้เขาอยู่เหมือนไม่มีข้าอยู่จะดีที่สุด เพราะเขาก็คือเจ้าบ้านและข้าคือผู้มาพักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ความเงียบทำให้ข้าเหงาและเดียวดายมากๆ ข้าไม่สามารถเล่นสนุกกับสัตว์เลี้ยงของบ้านนี้ได้อย่างเต็มที่ด้วยความอ่อนแอที่มีทำให้ไม่สามารถเล่นกับพวกมันที่ชอบเล่นด้วยการกระโดดและกระโจนใส่ข้าทุกครั้งที่เห็น.. ข้าจึงอยู่และเจ็บป่วยและอยู่กับแสดงตนให้ผ่านในแต่ละบทที่เข้ามาให้ข้าได้เล่นเป็นตอนๆ จนครบอาทิตย์น้าสาวข้าได้เลือกที่จะเดินทางมาเยี่ยมข้าเพราะความห่วงใยและพกพาขนมขนมมาด้วยมากมาย เนื่องจากว่าข้านั้นขาดแคลนขนมหลังจากที่ทำสงครามเย็นกับลูกพี่ลูกน้องของข้านั่นเอง แต่วันต่อมาน้าสาวของข้าก็ต้องเดินทางกลับไปและข้าก็ได้แต่เฝ้ามองออกไปและนึกถึงวันที่จะได้กลับไปและได้รักษาสุขภาพของตนเองต่อจนหายสักที ข้ายังคงหิวแต่บางครั้งก็ทานไม่ได้มากนักเพราะข้าได้รับอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งนานๆไม่ได้แต่แน่นอนว่าข้าไม่ได้เอ่ย มันจึงทำให้ข้าแย่ลง แต่ช่วงหลังพวกเขาเริ่มเข้าใจและเปลี่ยนเมนูอาหารให้ข้าบ้าง แต่ไม่กี่วันข้าก็จะได้กลับแล้วจนถึงตอนนี้ข้าก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ไม่กี่วันจากนี้ข้าจะได้กลับไปทำสิ่งที่ค้างคาให้เรียบร้อยแล้วได้พักรักษาตัวให้ต่อเนื่องสักที ข้าจึงเขียนเพื่อบอกเล่า ให้มันเป็นจดหมายที่ถูกส่งกลับมาจากข้า และหวังว่าพวกเจ้าจะส่งกำลังใจมาให้ข้าได้มีกำลังในการเดินทางบนวิถีของข้า ความลับ ความสัตย์ ความเป็นตัวข้า ภาวนาขอให้ข้ารักษามันให้เป็นหนึ่งจนสำเร็จในทุกสิ่งที่ต้องทำด้วยนะ สหายทั้งผู้รักการอ่านและเคารพตัวอักษรทั้งหลาย
...........................
และเมื่อวันที่ข้าเดินทางกลับได้มาถึง ข้าเองก็คงต้องบอกว่า อาจยังไม่พร้อมแม้ตัวจะถึงบ้านแล้ว เพราะข้ายังต้องทำหลายสิ่งและพักรักษาตัวต่อจากที่หยุดเอาไว้ และเมื่อข้าพร้อมไม่ว่าจะหายดีมากน้อยแค่ไหนหรือยังคงไม่หายดีก็ตาม แต่ถ้าหากข้าพร้อม ข้าสัญญาว่าจะกลับมา และขีดๆเขียนๆหลายสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในหัวให้เป็นเรื่องราวสำหรับบันทึกไว้ในห้องสมุดของข้าที่นี่ แน่นอน
ด้วยอักษรที่รัก
-SaLinsiree
และเมื่อวันที่ข้าเดินทางกลับได้มาถึง ข้าเองก็คงต้องบอกว่า อาจยังไม่พร้อมแม้ตัวจะถึงบ้านแล้ว เพราะข้ายังต้องทำหลายสิ่งและพักรักษาตัวต่อจากที่หยุดเอาไว้ และเมื่อข้าพร้อมไม่ว่าจะหายดีมากน้อยแค่ไหนหรือยังคงไม่หายดีก็ตาม แต่ถ้าหากข้าพร้อม ข้าสัญญาว่าจะกลับมา และขีดๆเขียนๆหลายสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในหัวให้เป็นเรื่องราวสำหรับบันทึกไว้ในห้องสมุดของข้าที่นี่ แน่นอน
ด้วยอักษรที่รัก
-SaLinsiree
...............................................................................
©salinsiree
...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น