(เรื่องสั้น) เกี่ยวกับ ไซย์ และ เดอลี ซาร์ // ep.2 จดหมายจาก เดอลี ซาร์ ถึง ไซย์ (ep.1-2 จบ)

ฉันภาวนาขอให้เป็นเธอนะไซย์ ที่ได้เปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ เพราะฉันเขียนมันถึงเธอ

สวัสดีไซย์ ฉันเชื่อในความสามารถของเธอว่าต้องได้จดหมายฉบับนี้จากฉัน เพราะเธอเป็นคนมีน้ำใจมากและซื่อสัตย์ ฉันจึงเลือกเก็บมันเอาไว้ตรงที่-คนที่มีน้ำใจจะใส่ใจและนึกถึงมันจึงจะเห็น มันอาจเสี่ยงเพราะเธอเองอาจเหนื่อยเกินกว่าจะมีน้ำใจเล็กๆน้อยๆหรือห้องของฉันอาจถูกรื้อค้นจนเละเทะไปหมด แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนฉันก็เชื่อว่าเธอจะได้อ่านมัน

ฉันขอโทษนะที่ต้องทำให้เธอลำบาก ฉันไม่เลือกใช้คำว่า อาจจะ เพราะเชื่อว่าอย่างไรเสียในตอนสุดท้ายก็คงเป็นเธอที่เป็นคนจัดการทุกอย่างของฉัน ก็ฉันไม่มีใครเลยนี่นะ ก็คงมีแต่เธอที่เป็นคนมอบอาหารมื้อสุดท้ายให้ฉัน

ไซย์การที่ฉันเลือกจากไปไม่ใช่เพราะว่าทุกอย่างแย่หมดแล้ว แต่เพราะทุกอย่างแข็งตึงเกินไปสำหรับบางสิ่งบางอย่างที่อ่อนปวกเปียกแบบฉัน ฉันล้าเหลือเกิน และหดหู่เกินไป ฉันอ่อนแอเกินเยียวยาและไม่มีใครคอยประคับประคอง นอกจากเธอที่ยื่นมือมา แม้ยามที่เธอลำบากสุดแสนและเจ็บป่วย เธอก็ยังพยายามเคี่ยวเข็ญให้ฉันทำสิ่งต่างๆจนได้ และฉันเชื่อว่าหากวันนี้ที่ฉันนั่งเขียนจดหมายถึงเธออยู่นี้เปลี่ยนเป็นเดินทางไปหาเธอแทน ฉันก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหนึ่งวันเพราะเธอ เพราะคำพูดของเธอ ที่พยายามเค้นออกมาจากร่างกายที่ทรมานของเธอ แต่ทำไมกันล่ะ ทำไมฉันต้องเป็นแบบนั้น ตรงกันข้าม เธอแย่ลงกว่าฉันและมีเรื่องราวมากมายกว่าฉัน ทั้งยังไม่แข็งแรงรวมถึงเจ็บป่วยที่หัวใจมากกว่าฉัน แต่ยังคงเลือกที่จะยื้อ เยียวยาตนเอง และยังคงอาศัยอยู่ มันทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตนเองเหลือเกินที่เพียงแค่อ่อนแอเรื่องจิตใจก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว อาจเพราะฉันเดียวดายเกินไป และมืดหม่นเกินไป และฉันอยากจะขอบคุณเธอมากๆไซย์ ที่ช่วยทำให้ฉันกล้ามากขึ้นจนสามารถก้าวขาออกภายนอกได้ไกลกว่าเดิม ไปหาเธอ ไปหาคนที่ต้องคุย ไปหาสิ่งที่ต้องแก้ไข ฉันทำมันได้แม้จะเป็นการกระทำในตอนสุดท้ายของฉันก็ตาม ซึ่งฉันขอบคุณ และได้โปรด.. ได้โปรดอย่าโทษตัวเองในเรื่องที่ผิดพลาดเกี่ยวกับฉัน เรื่องงานที่ฉันได้เดินทางไปทำในที่-ที่ไกลแสนไกล มันดีมากๆนะไซย์ มันมีค่า และถือเป็นความเหมาะสมแล้วที่มีอะไรแบบนี้ในตอนจบของฉัน ฉันอาจไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้งี่เง่าจนทำพลาด และให้ทุกคนเสียหน้า แต่ฉันก็ยังสามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำอะไรแย่ลงกว่านั้นได้และพาร่างกายที่สั่นเทิ้มกลับมาจนถึงบ้านได้ โดยนึกถึงเธอว่า ถ้าเป็นเธอจะทำอย่างไร ฉันจำได้ในเหตุการณ์ที่เคยอยู่ร่วมกับเธอ เรื่องร้ายๆที่ทำให้เธอชาจนช็อคแต่ก็ยังค่อยๆหาทางกลับบ้านแม้จะไม่รู้สึกถึงสิ่งใดรอบตัวอีกแล้วก็ตามที ฉันเลือกเอง และไม่มีใครผิดพลาด ดังนั้นอย่าโทษตัวเอง ทำเพื่อให้ฉันได้สบายใจเถอะนะไซย์

เพราะฉันเหนื่อยหัวใจมากจากสิ่งที่รุมเร้า จากสิ่งที่รักษาไม่หาย จากสิ่งที่คนอื่นๆไม่เป็น คนที่แย่กว่าด้วยเรื่องที่มากกว่ากลับไม่เป็นอะไร แต่ทำไมคนอย่างฉันถึงต้องเป็นหนักกว่าด้วยอาการที่ทุกข์ทรมานมากกว่า ถ้าใครสักคนจะเข้าใจฉันก็คงเป็นเธอ ไซย์เธอทนอยู่กับอาการเหล่านี้ได้อย่างไร ทั้งที่เธอน่าสงสารกว่าฉันมากนัก เป็นเรื่องที่ฉันไม่กล้าสู้หน้าเธอเวลาที่ฉันหดหู่ แต่เธอกลับพูดแทนฉันได้ตลอดเวลาที่ฉันรู้สึก และบอกเสมอว่าเธอเองเป็นมานานจนรู้ได้ว่าใครที่กำลังเป็นและเป็นอยู่ผ่านการมองเห็นและรับรู้ทั่วๆไป เธอบอกว่าอย่าอาย ฉันจึงไม่เคยอายเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ เราต่างรู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันจะไม่มีทางดีขึ้น นอกจากเราจะขยันเยียวยามัน และฉันก็คงเยียวยามันไม่ได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง ฉันคิดว่ามันถึงเวลาของฉันแล้วที่ต้องพักการมีตัวตนที่ปราศจากชีวิตนี้ และฉันรู้ว่าสำหรับเธอ ฉันคือเพื่อน มิตรภาพ และคนรู้จัก เธอกล้าพูดว่า "นั่นเพื่อนฉันเอง เธอเก่งสุดยอด" ต่อหน้าคนอื่นๆ รู้ไหมว่ามันมีค่ามากที่เธอทำอย่างนั้นกับฉัน มันดีและแจ่มชัดในความทรงจำที่ฉันมี ส่วนสำหรับฉัน เธอคือเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี และรู้จัก เป็นเพื่อนคนเดียวของฉันไม่ว่าจะในโลกของคนเป็น หรือโลกของคนตาย จะในโลกของมนุษย์สามัญหรือในอีกโลกของคนที่วิเศษ ไม่ธรรมดาและเก่าแก่ โลกที่เธอรักและมันคือบ้านที่แท้จริงของเธอ ทั้งหมดนี้เธอคือคนที่ฉันให้ใจ คนที่กล้าพูดกับฉันในขณะที่คนอื่นเมินฉัน คนที่เข้าหาฉันท่ามกลางความขัดแย้งของผู้อื่น คนที่ยื่นมือมาสัมผัสฉัน และเป็นคนแรกที่ฉันสัมผัสและยื่นมือออกไปหาด้วยความเต็มใจและปราศจากข้อกังขาใดๆ คนที่ไม่สมเพชฉัน และเป็นคนเดียวที่ฟังคำพูดของฉันแม้ว่ามันจะไม่น่าฟังแค่ไหนก็ตาม ฉันจะคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ในอีกโลกที่ไม่มีใครรบกวน แม้กระทั่งอาการเจ็บป่วยที่หัวใจก็จะไม่รบกวนฉันอีก มันคงจะดีถ้าเราได้นั่งเล่นด้วยกันและกินคุ้กกี้ข้าวโอ๊ตกับน้ำแอ๊ปเปิ้ลกันอีกครั้ง มันคือเมนูแรกที่เธอใช้มาสานมิตรกับฉัน เธอจะจำมันได้ไหม พวกเขาลบมันออกไปจากความทรงจำของเธอหรือเปล่า ฉังหวังว่าไม่เป็นแบบนั้น เพราะฉันไม่ต้องการคิดคนเดียวว่าเคยมีเพื่อนเล่น มันคงจะเดียวดายกว่าเดิมแน่ เพราะฉะนั้นได้โปรดจดจำมันเพื่อฉันด้วยเถอะนะ เหมือนกับที่เธอจดจำฉันในเรื่องที่ฉันเก่งอะไร และทำอะไรได้บ้าง เธอเป็นคนเดียวที่ยกย่องฉันอย่างเปิดเผย จริงใจ ชื่นชมฉันต่อหน้าคนอื่น ปกป้องฉันและงานของฉันเสมอมา บางครั้งฉันก็คิดว่าเธอจะทำแบบนี้ทำไม ทั้งที่เธอดูจะหงุดหงิดอยู่เสมอ แต่แล้วฉันก็เลิกคิด เพราะคิดได้ว่า เธอก็เป็นเธอ จะเป็นอะไรได้เล่า ดีจริงๆที่ฉันยังจำใบหน้าที่หงุดหงิดของเธอได้

ฉันคิดเสมอ ว่าวันที่ฉันตายจะมีใครนึกถึงฉันบ้างไหม แล้วฉันจะเป็นอย่างไรในความคิดของแต่ละคน พวกเขาจะคิดว่า นึกแล้วต้องเป็นแบบนี้, ไม่แปลกหรอก ก็แย่ซะขนาดนั้น, น่าสงสารจริงๆ, หรืออะไรก็ตาม แต่เธอเคยบอกกับฉันว่า "หากเธอตายไป โลกของเราคงขาดคนที่มีพรสวรรค์เรื่องอักษร มันน่าใจหายถ้าจะไม่มีใครทำได้แบบที่เธอทำ ฉันคงหนึ่งแหละที่จะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้" ตอนนั้นฉันดีใจและเหงามากที่เธอบอกกับฉันแบบนั้น ฉันคิดว่า ฉันจะสามารถทำสิ่งใดได้บ้างก่อนจากไป ในเมื่อฉันไม่มีใครให้ร่ำลา นอกจากเธอ ซึ่งฉันก็ดีใจที่อย่างน้อยฉันก็ได้มีคนให้ร่ำลา คนที่ไว้ใจได้ แม้เป็นเพียงคนเดียวแต่ก็เป็นคนเดียวที่ฉันวางใจ ฉันจึงตั้งใจเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยอักษรที่ฉันรัก ตั้งใจที่จะบอก บอกคนที่ฉันเชื่อใจ แม้บางเรื่องจะน่าโมโหแต่ก็รู้ว่าเธอคิดดีที่สุดแล้ว ฉันจึงขอบคุณเสมอ และขอโทษหากที่ผ่านมาฉันทำให้เธอไม่สบายใจ หรือหนักใจไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ได้โปรดให้อภัยฉันด้วยนะ

ไซย์ฉันรู้ว่าเธอจะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างของฉัน รวมถึงร่างที่ไร้วิญญาณของฉัน มันอาจไม่สวยงามแล้ว ตอนที่เธอมาพบ ฉันจึงจะบอกเธออีกครั้งว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่างของฉัน ฉันขอมอบให้เธอเป็นคนจัดการแต่เพียงผู้เดียว ตามแต่ที่เธอจะเห็นว่าเหมาะสมและสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่มีอยู่หนึ่งสิิ่งที่ฉันขอ ฉันรู้ว่าเธอจะต้องเผาร่างของฉัน ซึ่งฉันก็ต้องการแบบนั้น แต่ฉันจะขอให้เธอช่วยเก็บเถ้ากระดูกของฉันและนำไปฝังไว้ที่ใต้ต้นออซซี่ที่ฉันชอบไปนั่งอ่านหนังสือ ที่ที่เธอบอกว่าสวย มันตั้งตระหง่านอยู่ด้านข้างหอสมุดคิลส์ หอสมุดที่ฉันและเธอได้พบกันเป็นครั้งแรก มันคงจะดีถ้าได้กลับไปอีกครั้ง มันเป็นภารกิจที่ดีมากๆในตอนนั้น และที่นั่นก็ดีมากๆจริงๆ ฉันจะได้อยู่ไกล้ๆหอสมุด และอยู่ไกล้แม่น้ำ ป่าเขา เธอจะทำให้ฉันได้หรือไม่ ไม่ว่าจะตอนไหนหลังจากนี้ นี่คือสิ่งที่ฉันขอร้องเธอ และอีกเรื่องที่ฉันอยากให้เธอจัดการ ฉันขอมอบแผนที่เมซาร์คให้กับหอสมุดคิลส์ด้วยนะ ฉันได้แปลมันเป็นภาษาของปัจจุบันแล้ว มันจะมีค่าให้กับคนของหนังสือ คนของอักษร และคนของเรา เด็กของเราในอนาคต และอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่นะ ทำอย่างสงบ (ฉันห้ามเธอได้อยู่ใช่ไหม) มันคงจะดีถ้าสักวันมีคนขอบคุณฉันที่ทำสิ่งนี้ให้ แม้ว่าฉันจะไม่อยู่แล้ว เพราะเมื่อฉันยังอยู่ คงยากนักที่คนแบบฉันจะได้ทำอะไรสมหวัง ฉันจึงขอฝากความหวังนี้ให้กับเธอคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยนะ

ท้ายสุดนี้ฝากขอบคุณเพื่อนรักของเธอ พ่อหนุ่มชาวคาตินซ์ ผู้ซึ่งช่วยเหลือฉันเรื่องค่าใช้จ่ายห้องพัก เขาอาจไม่ได้เล่าให้เธอฟังมาก แต่เขาช่วยฉันเอาไว้มากเลยนะ และนิสัยอบอุ่นมาก แม้ว่าจะน่ากลัวไปหน่อย ฉันคิดว่าคงดีถ้าได้รู้จักเขาเหมือนที่เธอรู้จัก และฝากขอบคุณคนที่ดูแลสถานที่ที่เธอพัก หมายเลข E ที่เข้าใจฉันและพูดคุยกับฉันอย่างเปิดเผย มองฉันเหมือนลูกสาว ฉันดีใจจริงๆ มันรู้สึกสายเกินไปเหลือเกิน ที่ได้รู้จักคนเหล่านี้ที่เธอนำพามาให้ฉันได้พบในตอนสุดท้ายของฉัน แต่ฉันก็ขอบคุณที่เขามองเด็กอย่างฉันเหมือนลูกหลาน และขอบคุณเธอนะไซย์สำหรับอาหารที่เธอทำให้ฉันได้อิ่มท้องในช่วงสุดท้ายของฉัน ขอบคุณน้าสาวของเธอที่อนุญาตให้ฉันได้กินและพักในห้องของเธอโดยไม่ว่าอะไร ขอบคุณสำหรับที่นอนและอื่นๆที่เธอแบ่งปัน ทั้งที่เธอลำบาก แต่เธอก็มีน้ำใจ ฉันขอให้สิ่งดีๆที่เธอมอบให้ฉันนี้ จงตอบกลับเธอในสักวันหนึ่ง เป็นคำขอบคุณของฉัน

ขออักษรที่รัก จงภักดีต่อเธอ เหมือนที่ฉันภักดีต่ออักษร ทุกอักขระนับจากนี้ขอจงแข็งแรง ปกป้องเธอ เหมือนที่ฉันปกป้อง-คุ้มครองทุกอักขระมาเนิ่นนาน หน้าที่ของฉันและของเธอมักผูกพันกับเหล่าอักษร ทั้งจากยุคนี้ และยุคที่ไม่อาจเอื้อมถึง ทั้งจากโลกที่สามัญ และโลกที่วิเศษ ขอจงเบิกทางในทุกที่ที่เธอต้องการ ฉันขอภาวนาให้เธอสมหวังในเรื่องที่ต้องทำ และภารกิจในอนาคต ขอความสุขที่เธอไม่อาจมีได้ ขอจงมีและเกิดขึ้นในรูปแบบที่เธอสามารถเอื้อมถึง
รักเธอสุดหัวใจ

ฉันจะคิดถึงเธอ
ด้วยอักษรที่รัก
เดอลี ซาร์
หรือ
-เดลล์ นามที่ไซย์เป็นผู้มอบให้

................................................................................................

ไซย์นั่งอ่านจดหมายอยู่บนเก้าอี้นอนของเชย์-หญิงสาวผมแดง
เธอบรรจงพับกระดาษ และใช้ปลายนิ้วรีดให้เรียบตามขอบมุมต่างๆของจดหมาย ก่อนจะเก็บเข้าซองตามเดิมแล้วนั่งถอนหายใจ ดวงตาของเธอแย่ลงในช่วงหลังนี้ ตัวหนังสือพล่าเลือนสีดำหนากว่าแต่ก่อนค่อนข้างมาก และยังปวดตาอีกต่างหาก มันทำให้เธออ่านหนังสือลำบากและเล่นเครื่องมือสื่อสารลำบากกว่าเดิม แต่ไซย์ก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนี้ (คิดว่างั้นนะ) เธอลุกขึ้นยืนหยิบไม้เท้า แต่แล้วก็เลือกที่จะวาง ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องปรุงยานี้แล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยลิฟต์

เธอชอบดาดฟ้าที่นี่
แล้วเธอก็ยืนร้องไห้ ค่อยๆร้อง แล้วก็เหงา เดียวดาย เธอกลัวโลกใบนี้ แต่ก็ต้องอยู่ กลัวหลายสิ่งแต่ก็ต้องอยู่ ขี้ขลาดและอ่อนแอ เธอลำบากแต่ก็ต้องอยู่ ทั้งที่เธอไม่ได้อยากอยู่เลย ไม่เลยแม้แต่น้อย เธอแค่ต้องอยู่เพื่อบางสิ่ง และใช้ชีวิตให้ปกติเหมือนคนทั่วไปในช่วงที่ยังพอมีเวลาให้ใช้ ใช้ให้เต็มที่เท่าที่สามารถ แม้ว่าเวลาที่มีมันอาจน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับเรื่องที่ต้องทำ คนธรรมดาคงไม่อาจเข้าใจและรับรู้ แต่อย่างน้อยหลายคนที่ไม่ธรรมดาก็เข้าใจเหตุผลของคนที่อยากจะตายคนนี้ ว่าทำไมถึงต้องยังอยู่ คุณคงไม่มีสิทธื์จะมาต่อว่า หรือกล่าวหาไซย์ ว่าจะอยู่ทำไม มันลำบาก คุณมีค่าพอแล้วหรือที่จะมาบังคับและบงการให้คนอื่นตายไปซะเพียงเพราะอยู่ไปก็ทรมานน่ะ ทั้งที่ไม่ใช่ชีวิตของคุณด้วยซ้ำ

ไซย์เหงามาก และเหงามากขึ้น เธอไม่รู้เลยว่าการที่เพื่อนคนนี้ของเธอจากไปจะทำให้เธอเหงาและหดหู่ได้มากเท่านี้ คงเพราะสำหรับเพื่อนคนนี้ ไซย์คือเพื่อนรัก มันทำให้ไซย์รู้สึกแย่ แต่ก็เลือกที่จะมองออกไปสู่ที่กว้างบนดาดฟ้าแล้วสัญญาว่าเถ้ากระดูกของเพื่อนจะได้ไปอยู่ที่ใต้ต้นออซ ต้นนั้น ตามที่เพื่อนฝันเอาไว้

ชายหนุ่มคนหนึ่งเฝ้ามองอยู่เงียบๆตรงประตูทางเข้าของดาดฟ้า เพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปหาเธอ จึงได้แค่มองอยู่ตรงนั้น จนเธอหันมาเห็นแล้วยิ้มให้ ก่อนจะกวักมือเรียกเขา เขาถึงเดินเข้าไปหา ไปไกล้เธอมากกว่าเดิมจากที่ยืนอยู่ก่อนหน้า

และเขากับเธอก็คุยกันบนดาดฟ้า

.........................
ep* 1
คลิก ➨ เกี่ยวกับ ไซย์ และ เดอลี ซาร์

.
.
...........................................................................................................
🍃🌸🍃🌸🍃🌸🍃
©salinsiree
If you have any questions, or would like to talk, contact me!
salinsiree.witchy@yahoo.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น