"จงตายเสียไปกับมันเถอะ" ความมืดกระซิบข้างหู บางเบาแต่สะท้อนกึกก้องดิ่งลงกระทบใจที่เต้นเร็วอย่างอ่อนแอไม่เป็นจังหวะอย่างที่ควรจะเป็น จิตวิญญาณของข้านั้นเป็นรูโหว่ และหลุมดำเหล่านั้นเข้ามามีอำนาจเหนือแสงใดที่คนบาปหนาเช่นข้ายากนักจะได้มองเห็น
เพียง แสงสีเทาหม่นๆจากหน้าต่างหลังจากปิดไฟ
เมื่อแสงพลันดับลง หน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมปลายเตียงคือแสงเดียวที่ย่างกรายมาจากภายนอกกรงขังสี่เหลี่ยมของคนบาปเช่นข้า ข้านอนมองมัน หรือมันเองที่คอยเฝ้าดูข้า นั่นก็ไม่อาจรู้ได้ หน้าต่างก็ไม่เคยตอบกลับใดๆเช่นกัน
ความทุกข์ ความหม่นหมอง ความเจ็บปวด ความเคียดแค้น ชิงชัง ความโหยหารัก และความเจ็บป่วยกัดกินข้า มันเหงาและเดียวดายเหลือเกิน เมื่อมันหาทางส่งต่อความเจ็บป่วยใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม ละเลงทาทับถมของเก่าเดิมที่ยังมี-ทั้งที่ยังไม่หายหรือยังไม่ได้รักษา ไปจนถึงส่วนที่เรื้อรังร่องแร่ง เพียงเพื่อหาทางให้ข้าได้เหยียบย่ำบนความทุกข์ใหม่ๆ มันหาได้ปล่อยให้ข้าได้พัก สองเท้าของข้าน้อยนักจะเปลี่ยนเส้นทางไปสู่ความหวัง
มันน้อยนัก หรือข้าอาจแทนมันด้วยคำว่า ไม่มีเลย ก็ยังได้...
สิ่งเดียวที่รู้คือยอมรับในการตายที่เคยโหยหา มันจะพรากเราไป เราไม่ได้พรากตนเอง มันจึงไม่ผิดพันธะใดๆที่เคยได้สัญญาศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งที่มิใช่โลกสามัญนี้
แต่หากมันเป็นสิ่งที่เรื้อรังเล่า หากมันเป็นความเจ็บป่วยที่หายยาก เพียงเพื่อต้องการให้ตัวข้าได้ทุกข์ทรมานอย่างยาวนานกับความเจ็บป่วยนั้น มากกว่าจะปลดปล่อยข้าให้เป็นอิสระจากการตายอย่างฉับพลันล่ะ
ข้ามีน้ำตาไหล ขณะบันทึกตัวอักษร ณ วรรคนี้ที่ไม่มีบทใดเป็นเจ้าของ
ณ เวลานี้ข้าไม่อาจแยกหลุมดำออกจากจิตใจของข้าได้อีกต่อไป ความมืดมีอำนาจเหนือข้าเรื่อยมา แม้เราจะมีข้อตกลงฉันมิตรในการอยู่ร่วมกัน แลกเปลี่ยนในการกัดกินกันและกัน จนเกลือบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างมีชิ้นส่วนของกันและกัน
ณ เวลานี้ที่ยานอนหลับกำลังปล่อยแสงแห่งคำสาปมากกว่าพร มันไม่สามารถช่วยให้ข้าได้หลับ ได้นอน มันสู้ความวิตกกังวลในเรื่องที่บังเกิดกระทันหันไม่ได้ ความทุกข์กระทันหันที่พุ่งเข้ามากระแทกหลุมลึก ให้ลึกลงไปอีก ข้านั้นเจ็บปวดและหวาดกลัวในเรื่องเจ็บป่วยใหม่ที่อาจเรื้อรังอยู่ในขณะนี้ั
การเคลื่อนไหวของข้านั้นชักเชื่องช้า อาจเพราะยาที่ทำให้ร่างกายหนักอึ้ง การกระทำประหลาดผิดพลาดใดๆที่อาจทำให้เนื้อหาสับสนคงต้องขออภัย
ข้าไม่อาจนอนหลับได้
จิตแพทย์จะช่วยได้หรือ เมื่อข้าต้องเดินทางไปพบแล้วพูด คุย เล็กน้อยต่อหน้าเขา ในวันต่อมา
01:24 / 24-1-20
..............................................................
17:46 / 24-1-20
บันทึกอักษรนี้ บทนี้ บันทึกเมื่อเวลาเย็นย่ำในวันถัดมาหลังจากที่ข้านั้นได้เดินทางไปพบจิตแพทย์ ตอนนี้ตัวข้าสั่นเทา สมองทำงานในคลื่นที่ไม่เหมาะสม มันนิสัยไม่ดีนัก มักก่อกวนข้า กำเริบทุกวันในเวลาเดิมๆอยู่เสมอ อาจเปลี่ยนเวลาบ้างแต่ไม่เคยละเว้นในแต่ละวันเลย.... เย็นย่ำก็เอ่ยทักทายข้าเป็นว่าเล่น...
หนึ่งในร้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาในห้องสีขาวของหมอ ซึ่งมีกรอบรูปสี่เหลี่ยมเป็นดอกไม้สีขาวขอบกรอบไม้สีเขียวที่ข้าไม่ชอบ มันแปะบนผนังด้านซ้ายเมื่อข้านั่งลง
คือ ข้อตกลงในการเยียวยาเพื่อปรับเปลี่ยนตอนจบของเรื่องราวต่างๆในบันทึกของข้า จากที่จบลงด้วย สีดำ ให้เปลี่ยนเป็น สีเทา ในความคิดเห็นของข้า
แต่ในความคิดเห็นของหมอ คือการ จุดเปลวเทียนแห่งแสงระเรื่อสีขาวละเล็กละน้อยเป็นดวงไฟที่เคลื่อนไหวเบาๆ มันจะห้อยท้ายหลังจากความเรียงอันแสนเศร้าที่เจ็บปวดของข้า ไม่ว่าข้านั้นจะร่างอักษรสีดำเข้มหม่นมากน้อยแค่ไหนในตอนเริ่ม แต่ขอให้ก่อดวงไฟแห่งความหวังไว้ในตอนท้ายด้วย
ข้านั้นไม่อาจทำได้ในบันทึกนี้ เพราะมันกระทันหันเกินไป หมอกสีดำยังหนาเกินไปและข้าไม่อาจตั้งตัวได้ทันจะหลอกตัวเองเพื่อก่อดวงไฟแห่งความหวังนั้น
จึงจะขอให้บันทึกนี้ถูกแยกออกไปในหมวดหมู่ บันทึก : ไดอารี่
แล้วค่อยเริ่มใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น